ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ สนข.NBC เมื่อ 8 ธ.ค.67 เกี่ยวกับนโยบายสำคัญที่จะเร่งดำเนินการภายใน 100 วันแรก หลังจากรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ได้แก่ การส่งกลับผู้อพยพผิดกฎหมาย อภัยโทษให้กลุ่มผู้กระทำผิดในเหตุการณ์บุกรุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อ 6 ม.ค.63 ลดภาษีชาวอเมริกัน และเพิ่มภาษีนำเข้าจากประเทศที่มีนโยบายการค้าไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ พร้อมกันนี้ ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ รับปากว่าจะไม่รีบดำเนินคดีหรือสืบสวนคู่ขัดแย้งทางการเมืองปัจจุบัน เพราะไม่มีความจำเป็น เพียงรัฐบาลเขาประสบความสำเร็จในการดำเนินนโยบายความมั่นคงชายแดนและการค้าระหว่างประเทศได้ ก็เท่ากับเป็นได้เอาคืนทางการเมืองแล้ว
การตั้งหน่วยงาน DOGE เพื่อปฏิรูประบบภาครัฐให้คล่องตัวและทันสมัยนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อสวัสดิการของเจ้าหน้าที่รัฐ และการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน จะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าในประเทศอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี นักธุรกิจและผู้ประกอบการชาวอเมริกันวิตกกับนโยบายขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เนื่องจากจะกระทบต่อการนำเข้าสินค้า มีรายงานว่า นักธุรกิจและผู้ประกอบการชาวอเมริกันจำนวนมากเตรียมว่าจ้างทนายและนักกฎหมาย เพื่อให้คำปรึกษาในช่วงที่เปลี่ยนรัฐบาลในต้นปี 2568 ด้วย นอกจากนี้ ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยังให้ความสำคัญกับการจัดการความมั่นคงชายแดนและผู้อพยพผิดกฎหมายเป็นหลัก และส่งสัญญาณว่าจะช่วยเหลือผู้อพยพบางส่วนที่มีคุณค่าต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือ Dreamers ให้ยังคงอยู่ในประเทศต่อไป
ประเด็นนโยบายต่างประเทศ อาจลดการให้ความช่วยเหลือด้านการทหารแก่ยูเครน และพิจารณาถอนสหรัฐฯ ออกจากการเป็นสมาชิกเนโต หากเนโตไม่สนับสนุนงบประมาณมากเพียงพอ ท่าทีของว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ดังกล่าว ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับบทบาทของสหรัฐฯ ในกลุ่มพันธมิตรต่าง ๆ ทั่วโลกว่าจะมีความต่อเนื่องหรือไม่ โดยเฉพาะกรอบ AUKUS ระหว่างสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย เนื่องจากสหรัฐฯ น่าจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบที่ต้องถ่ายทอดวิทยาการความรู้เรื่องเรือดำน้ำ และไม่ได้ประโยชน์จากความร่วมมือนี้ ตลอดจนเป็นผลงานของประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน แต่คาดว่าสหราชอาณาจักรและออสเตรเลียจะเร่งโน้มน้าวให้รัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ สนับสนุนความร่วมมือนี้ต่อไป
จะเห็นได้ว่า นโยบายที่ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะเร่งทำใน 100 วันแรก นั้น ส่วนใหญ่เป็นนโยบายที่ตรงกันข้ามกับผลงานของประธานาธิบดีไบเดน และจะรื้อฟื้นนโยบายที่ยังไม่มีความคืบหน้าเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเมื่อสมัยแรก เช่น การเร่งขุดน้ำมัน และลดภาษีพลังงาน เพื่อให้ชาวอเมริกันได้ใช้น้ำมันราคาถูก ทั้งนี้ การออกคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order) จะเป็นเครื่องมือที่ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะใช้ผลักดันให้เกิดความรวดเร็วในการดำเนินนโยบายดังกล่าว เพิ่มจากระบบรัฐสภาที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก