นานาชาติวิตกว่าความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางจะรุนแรงขึ้น จากกรณีกองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อฉนวนกาซา และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในเยเมน เมื่อ 19 ธ.ค.67 ได้แก่ โรงงานผลิตไฟฟ้า ท่าเรือ และโรงกลั่นน้ำมัน เพื่อปราบปรามกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ที่เป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอล ซึ่งปฏิบัติการในเยเมนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 รายด้วย ก่อนหน้านี้ กลุ่มฮูษีในเยเมนประกาศว่ายิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล เพื่อกดดันให้ยุติสงครามในฉนวนกาซา
ฝ่ายอิหร่านไม่พอใจกรณีอิสราเอลโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในเยเมน โดย กต.อิหร่านประณามอิสราเอลอย่างรุนแรงและวิจารณ์ว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และก่ออาชญากรรมสงคราม แต่อิสราเอลก็ยืนยันว่าเน้นโจมตีผลประโยชน์ของกลุ่มฮูษีในเยเมน ไม่ใช่การโจมตีพลเรือน ด้านนาย Mohammed al-Bukhaiti สมาชิกระดับอาวุโสของกลุ่มฮูษีย้ำว่าจะยังคงโจมตีอิสราเอลต่อไปจนกว่าอิสราเอลจะหยุดการทำสงครามในฉนวนกาซา พร้อมทั้งกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าสนับสนุนอิสราเอลให้โจมตีเยเมน
องค์กรระหว่างประเทศและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพิ่มระดับการกดดันอิสราเอลด้วยการเผยแพร่รายงานและความคิดเห็นเกี่ยวกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา โดยองค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (Doctors Without Borders) ระบุว่าการกระทำของอิสราเอลเข้าข่ายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เนื่องจากมีการทำลายโรงพยาบาล และขัดขวางการให้บริการด้านสาธารณสุขในพื้นที่ ส่วน Human Rights Watch รายงานว่าอิสราเอลใช้อาหารและน้ำสะอาดเป็นอาวุธสร้างวิกฤตด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา เนื่องจากการทำลายโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงน้ำสะอาด เพื่อใช้ในการอุปโภคและบริโภค พร้อมกันนี้ Human Rights Watch เรียกร้องให้นานาชาติเพิ่มการกดดันอิสราเอล ซึ่งสอดคล้องกับองค์กร Amnesty International ที่แม้ว่าจะเป็นองค์กรที่รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุน แต่ก็พยายามเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาในฉนวนกาซา เพื่อให้ประชาคมระหว่างประเทศช่วยเหลืออย่างจริงจัง
สถานการณ์ในฉนวนกาซาที่รุนแรงขึ้นเป็นความท้าทายของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยังคงสนับสนุนอิสราเอล เนื่องจากต้องเผชิญแรงกดดันจากนานาชาติ ขณะที่ความขัดแย้งในตะวันออกกลางส่งผลต่อบรรยากาศการเมืองในสหรัฐฯ เช่นกัน โดยนักการเมืองในประเทศเริ่มไม่เห็นด้วยกับการขายอาวุธให้อิสราเอลที่นำไปใช้ทำสงคราม ล่าสุดเมื่อ 18 ธ.ค.67 สมาชิกนิติบัญญัติสหรัฐฯ บางส่วนร่วมกันเรียกร้องให้รัฐบาลประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดนระงับความร่วมมือด้านการทหารและการขายอาวุธให้อิสราเอล เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลไม่เปิดทางให้องค์กรช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในพื้นที่ รวมทั้งยังเชื่อว่าการระงับความร่วมมือชั่วคราวจะทำให้นานาชาติเห็นว่าสหรัฐฯ ปกป้องสิทธิชาวปาเลสไตน์ และทำให้เห็นว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่ช่วยเหลือด้านการทหารแก่ประเทศที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมสงคราม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงนโยบายสนับสนุนอิสราเอล