กองทัพอิสราเอลระดมโจมตีทางอากาศต่อพื้นที่ในฉนวนกาซา เมื่อ 23 ธ.ค.67 โดยโจมตีโรงพยาบาล โรงเรียน และที่อยู่อาศัยของพลเรือนชาวปาเลสไตน์ทางตอนใต้ของฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยวันละ 50 คน รวมทั้งเด็ก ปัจจุบันยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาอยู่ที่มากกว่า 45,200 คน การที่อิสราเอลไม่ยุติปฏิบัติการโจมตีทางทหารทำให้องค์กรระหว่างประเทศระบุว่าฉนวนกาซาไม่มีพื้นที่ปลอดภัยเลยในปัจจุบัน และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วย ก่อนหน้านี้ อิสราเอลเน้นโจมตีพื้นที่ตอนเหนือของฉนวนกาซา และโจมตีแบบแม่นยำ (precise strike) เพื่อกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธ และประกาศให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกจากพื้นที่ไปอยู่ทางตอนใต้ เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าหมายทางการทหาร แต่ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อิสราเอลโจมตีทั่วทั้งพื้นที่ คาดว่าเพื่อกดดันให้กลุ่มฮะมาสปล่อยตัวประกันโดยเร็ว เนื่องจากอยู่ระหว่างการเจรจาหยุดยิง
กองทัพอิสราเอลยังมีความคืบหน้าในการควบคุมพื้นที่เขตเวสต์แบงก์ด้วย โดยกลุ่ม Peace Now ของอิสราเอลเผยแพร่เมื่อ 23 ธ.ค.67 ว่า อิสราเอลขยายพื้นที่ควบคุม Area B ในเขตเวสต์แบงก์ ทั้งที่ตามข้อตกลงออสโล พื้นที่ดังกล่าวจะต้องอยู่ในการควบคุมของรัฐบาลพลเรือนของชาวปาเลสไตน์ ก่อนหน้านี้ อิสราเอลใช้การลาดตระเวนและทำลายที่อยู่อาศัยของชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ เพื่อค่อย ๆ ควบคุม Area C สำเร็จ ดังนั้น กลุ่ม Peace Now เชื่อว่ารัฐบาลอิสราเอลมีแผนจะผนวกทั้ง Area C และ Area B ให้อยู่ในอำนาจการบริหารจัดการของอิสราเอลต่อไป โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง แต่จะขัดแย้งกับข้อตกลงระหว่างประเทศ และเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลางในระยะยาวต่อไป
ส่วนอีกสมรภูมิ แนวโน้มความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮูษีในเยเมนตึงเครียดขึ้น เนื่องจากมีรายงานว่ากลุ่มฮูษีในเยเมนโจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธสำเร็จ เพื่อกดดันให้อิสราเอลยุติสงครามในฉนวนกาซา โดยเฉพาะมีขีปนาวุธโจมตีถึงพื้นที่ตอนใต้ของกรุงเทลอาวีฟ เมืองใหญ่สำคัญอันดับ 2 ของอิสราเอล แม้ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีเพียงผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 30 คน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาอิสราเอลจะยกระดับการตอบโต้กองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ ที่ต่อต้านอิสราเอล จึงคาดว่าอิสราเอลจะกวาดล้างกลุ่มฮูษี โดยร่วมมือกับสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกที่อยู่ในพื้นที่