สมาชิกกลุ่มฮะมาสเปิดเผยกับสื่อมวลชนเมื่อ 4 ก.พ.68 ว่า กลุ่มพร้อมเจรจาข้อตกลงหยุดยิงระยะที่ 2 กับอิสราเอล โดยได้แจ้งให้ผู้ประสานงานรับทราบแล้วระหว่างการประชุมที่กรุงไคโร อียิปต์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นในช่วงที่ข้อตกลงหยุดยิงระยะที่ 1 ดำเนินการมาตั้งแต่ 19 ม.ค.68 และมีความคืบหน้าการแลกเปลี่ยนตัวประกันระหว่างกัน โดยตามข้อตกลงระยะที่ 1 กลุ่มฮะมาสจะต้องปล่อยตัวประกัน 33 คน แลกกับนักโทษปาเลสไตน์กับอิสราเอล และการเปิดพื้นที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม นานาชาติคาดหวังให้มีการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงระยะที่ 2 เพื่อขยายเวลาสันติภาพในภูมิภาคคะวันออกกลาง แต่วิตกว่ารัฐบาลอิสราเอลจะไม่ต่ออายุข้อตกลง เนื่องจากนักการเมืองกลุ่มอนุรักษ์นิยมในอิสราเอลกดดันให้รัฐบาลทำสงครามต่อไปทันที เพื่อกวาดล้างกลุ่มฮะมาสไม่ให้สามารถเป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอลได้อีก และหาโอกาสผนวกดินแดนของชาวปาเลสไตน์บางส่วน เพื่อความมั่นคงในระยะยาว นอกจากนี้ กรณีที่ผู้นำอิสราเอลประกาศว่าจะเลื่อนการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงระยะที่ 2 ออกไปก่อน ยิ่งทำให้นานาชาติกังวลว่าอิสราเอลจะปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซาอีกครั้ง
ปัจจุบัน หลายฝ่ายคาดหวังให้ผู้นำสหรัฐฯ โน้มน้าว นรม.เบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลให้ต่ออายุข้อตกลงหยุดยิงได้ และจะใช้โอกาสที่ นรม.เนทันยาฮูเยือนสหรัฐฯ ใน 3-4 ก.พ.68 หารือแนวทางสร้างสันติภาพในตะวันออกกลางต่อไป โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะต้อนรับ นรม.เนทันยาฮูที่ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นการพบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรก และเป็นการเดินทางไปสหรัฐฯ ครั้งแรกของ นรม.เนทนัยาฮู หลังจากมีหมายจับจาก ICC ในข้อหาเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมสงคราม ก่อนหน้านี้ ผู้นำสหรัฐฯ อ้างว่าการบรรลุข้อตกลงระยะที่ 1 เป็นผลงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่วน นรม.เนทันยาฮูระบุก่อนการเดินทางว่า จะหารือกับสหรัฐฯ เรื่องชัยชนะเหนือกลุ่มฮะมาสและการช่วยเหลือตัวประกันทั้งหมดจากฉนวนกาซา รวมทั้งแนวทางรับมือกับอิทธิพลของอิหร่านในภูมิภาคต่อไป
ท่ามกลางความคาดหวังในการต่ออายุข้อตกลงหยุดยิง แต่แนวโน้มการทำข้อตกลงหยุดยิงระยะที่ 2 ยังไม่แน่นอน เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายต้องปล่อยตัวประกันและนักโทษระหว่างกันเพิ่ม ส่วนผู้นำสหรัฐฯ แสดงความไม่มั่นใจเมื่อ 4 ก.พ.68 ว่าจะสามารถทำให้ข้อตกลงหยุดยิงดำเนินต่อไปได้ เพราะเป็นสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮะมาส ไม่ใช่สงครามของสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน กองทัพอิสราเอลต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่ในฉนวนกาซา เพื่อให้ชาวปาเลสไตน์ได้กลับภูมิลำเนา และให้องค์กรระหว่างประเทศเข้าไปช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ ซึ่งนักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมในอิสราเอลน่าจะคัดค้าน เพราะต้องการให้กองทัพอิสราเอลประจำการในพื้นที่ต่อไป ปัจจุบันรายงานจำนวนชาวปาเลสไตน์ที่เสียชีวิตจากสงครามในฉนวนกาซาเพิ่มเป็น 60,000 คน จากก่อนหน้านี้ 47,000 คน เนื่องจากการหยุดยิงทำให้ขุดพบศพผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
นอกจากนี้ ข้อเสนอของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เสนอให้ย้ายชาวปาเลสไตน์ไปอาศัยในต่างประเทศ เช่น อียิปต์ ถูกคัดค้านอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ สำนักงานสื่อสารมวลชนของกาซา (The Gaza Government Media Office) ได้ออกมาเรียกร้องเมื่อ 3 ก.พ.68 ให้ประชาคมระหว่างประเทศ หรือองค์กรต่าง ๆ เร่งให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวปาเลสไตน์ ที่ได้มีการทะยอยเดินทางกลับไปยังเหมือนทางตอนเหนือ โดยต้องการความช่วยเหลือทั้งเต้นท์ อาหาร และยารักษาโรค ซึ่งตอนนี้ล่าช้ามาก พร้อมย้ำว่า การสกัดกั้นการหลั่งไหลของความช่วยเหลือไปยังฉนวนกาซา จะเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงระยะที่ 2