การติดต่อกับหม่องชิดตู่ ต้องกระทำผ่านคนกลางซึ่งอำพรางตัวเป็นพ่อค้าเปิดร้านขายของอยู่ที่ตลาดพาเจริญในตัวเมืองแม่สอด ซึ่งการจะได้พบกับคนกลางที่ว่านี้ก็ต้องอาศัยเครือข่ายที่เป็นคนท้องถิ่นย่านนั้นช่วยแนะนำให้อีกที พอได้พูดคุยกันซักพักก็ได้คำตอบสุดท้ายว่าอีกประมาณ 1 สัปดาห์จะแจ้งกลับมาว่าชิดตู่จะให้พบได้หรือไม่? อย่างไร?
เวลาผ่านไปแค่ 2 วัน คนกลางก็ติดต่อมาบอกว่าพวกเขาได้ตรวจสอบและรายงานให้ชิดตู่ทราบแล้ว เขายินดีพบกับเราในวันพรุ่งนี้เลย
เมื่อขึ้นเรือจากฝั่งเมยภาพของก๊กโก่ที่เห็นตอนนั้น ถนนยังเป็นลูกรัง สองข้างทางเป็นไร่ข้าวโพด ไร่อ้อยตลอดระยะทางประมาณ 400 เมตร เริ่มเข้าเขตหมู่บ้านซึ่งควรจะเรียกว่าหมู่เพิงไม้ไผ่มากกว่า นานๆ เจอบ้านไม้ก็สภาพเก่าจนเริ่มย้อย ชาวบ้านยังนุ่งโสร่ง ผู้ชายไม่ใส่เสื้อ แต่พอเดินถึงศาลากลางบ้านไม่น่าเชื่อว่าชิดตู่ขี่บิ๊กไบค์สีดำมันเมื่อมมารอรับ ในขณะที่แถวนั้นจักรยานสักคันยังไม่เห็น ยิ่งไปกว่านั้นขณะที่กำลังขับผ่านชุมชนบ้านไม้เก่าที่เริ่มหนาแน่นขึ้น อยู่ๆ ก็ปรากฏบ้านตึกหลังงามในรั้วเหล็กอัลลอย หลังคาทรงปั้นหยามุงด้วยกระเบื้องหนาอย่างดี ผ่านเข้าไปก็เจอสนามหญ้าและสระว่ายน้ำทำให้นึกเปรียบเทียบกับบ้านหรูในกรุงเทพ ด้านในบ้านมีแชนเดอเรีย ผ้าม่าน กับชุดโซฟาหลุยส์รับแขก ทั้งหมดนี้ทำให้ต้องอึ้งไปพักหนึ่งเลยทีเดียว
ชิดตู่เล่าถึงชีวิตของเขาตั้งแต่เป็นทหารได้ออกรบกับพม่ามามากมายแต่ชีวิตก็ไม่เคยสบาย ตัวเขาเองไม่เท่าไร แต่ลูกน้องที่ต้องมาตายในขณะที่ครอบครัวยังลำบาก เขาจึงไม่อยากสู้รบกับพม่าอีกแล้ว อยากทำธุรกิจเอาเงินมาเฉลี่ยความสุขให้กับลูกน้องและชาวบ้านและยังว่าฝ่ายความมั่นคงไทยฟังแต่แหล่งข่าวจาก KNU ซึ่งไม่ให้ความเป็นธรรมกับคนกะเหรี่ยงพุทธอย่างเขามาโดยตลอด ทำให้ DKBA ถูกใส่ร้ายว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดซึ่งไม่เป็นความจริง พวกเขามีรายได้จากการเก็บภาษีการค้าขายแดนซึ่งมากพอที่จะเลี้ยงกำลังพลได้อย่างดี
คุยกันไปไฟที่แชนเดอเรียก็วูบวาบ ติดๆดับๆ ตามเสียงเครื่องปั่นไฟ ส่วนแอร์คอนก็มีนะแต่ไม่เปิดเพราะไฟไม่พอ ก่อนจะกลับ หม่องชิดตู่พาไปดูโรงเรียน โรงพยาบาล ซึ่งแม้จะสร้างด้วยไม้แต่ดูดี มีห้องตรวจ ห้องคลอด เตียงคลอด ห้องผ่าตัด กับอุปกรณ์การแพทย์จำนวนหนึ่ง ทั้งหมดอยู่ในอาณาบริเวณที่มีการดูแลอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะอาด ซึ่งตรงจุดนี้ต้องยอมรับว่าชิดตู่ดูแลสวัสดิการให้คนในชุมชนของเขาดีกว่าชุมชนของ KNU ตามที่เคยเห็นมาในห้วงเวลาเดียวกัน
ก่อนออกจากบ้านผู้นำ DKBA สังเกตุเห็นโรงจอดรถในบ้านซึ่งแม้ไม่ได้ถ่ายรูปมาแต่จำได้ขึ้นใจว่าโรงรถนี้คือแบคกราวด์อันเดียวกับภาพถุงยาบ้า 7-10 กระสอบที่วางเรียงอยู่บนพื้นคอนกรีตตามที่กล่าวมาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องถามก็รู้ได้ว่าที่บ้านแห่งนี้เคยเป็นสถานที่พักยามาก่อน
ถึงตรงนี้จึงสรุปได้ว่า DKBA อย่างน้อยในอดีตเมื่อ 25 ปีก่อนนั้นยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดซึ่งปัจจุบันชิดตู่ก็ยังเป็นผู้นำกะเหรี่ยงพุทธที่ใจใหญ่คนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนไปทำธุรกิจกับจีนเทาที่ทำรายได้มหาศาลจนก๊กโก่พัฒนาตึกรามบ้านช่องไปมากจนจำไม่ได้ แต่คนเราเมื่อทำธุรกิจสีเทาได้การจะเปลี่ยนไปสู่สีดำมันแค่ผ่านเส้นบางๆ กลับไปกลับมา ทั้งนี้การที่ชิดตู่สามารถสร้างฐานความมั่งคั่งมาได้เพราะการเข้าเป็นกำลังส่วนหนึ่งของกองทัพพม่า กับการจ่ายส่วยให้กับทั้งสองฝั่งเมยทำให้ได้รับการหนุนหลังมาโดยตลอดแต่วันนี้เขาตัดสินใจออกจากกองทัพพม่าแล้วเพราะมั่นใจในแสนยานุภาพการรบของตนเอง แต่ประเด็นที่ยังเป็นปัญหาคือการที่ยังไม่ตัดความสัมพันธ์กับจีนเทาดำให้เด็ดขาดซึ่งในไม่ช้าก็จะถูกแรงกดดันจากทั้งฝ่ายไทย พม่า และจีน ในขณะที่ศักยภาพของก๊กโก่นั้นใหญ่โตเกินกว่าที่กลุ่มของชิดตู่จะรับได้เสียแล้ว
หลายคนอยากรู้อนาคตของเมืองสแกมเมอร์แห่งนี้หลังจากที่มีการตัดไฟตัดเน็ตไปแล้ว รวมทั้งเมืองอื่นๆ อย่างเคเคพาร์ค และหวันหยา ซึ่งกรณีนี้ต้องมองภาพใหญ่ของพม่า ด้านที่ติดกับอินเดีย กับจีน เขามีพลังที่จะบีบให้มีการปราบปรามแก๊งค์คอลเซนเตอร์ได้ ในขณะที่ด้านติดกับไทยนั้นอ่อนที่สุด แค่จะตัดไฟยังเถียงกันจนหน้าแดงกว่าจะสับสวิตช์ได้ และยังตัดไม่หมดด้วยเพราะมีการเดินสายใต้ดินไว้เพียบ หันมาดูฝ่ายจีนหากดูแล้วมีแต่กาสิโนและเอ็นเตอร์เทนเมนต์โดยไม่มีเรื่องการค้ามนุษย์เขาก็จะคลายแรงบีบ ส่วนรัฐบาลพม่าตอนนี้ก็อ่อนกำลังจากการทำศึก จึงน่าจะรับส่วยอย่างเดียวโดยไม่ทำอะไรถ้าจีนไม่บีบมา
ส่วนทางฝ่ายไทยคงจะดำเนินการไปตามกระแส ถ้าเสียงในโซเชียลเงียบลงเมื่อไรก็คลายมือเพราะอย่างที่เคยพูดแล้วว่าผลประโยชน์ชายแดนมันมีมากจนคัดง้างอะไรก็ได้ จึงเหลือแต่จีนเทาที่ลงทุนไปมากตั้งแต่เมียวดีลงไปถึงพญาตองซู ดังนั้นก็จะรันธุรกิจสีเทาต่อไปโดยไม่ให้มีสีดำมาปะปนเพื่อเลี้ยงตัวให้รอดอย่างน้อยก็ระยะหนึ่งจนกว่าจะหาเทคนิคใหม่ๆ มาแก้ปัญหาการถูกปิดกั้นสัญญาณเน็ตได้ เมื่อนั้นเราก็อาจได้ยินเสียงโทรจากแก๊งค์คอลเซนเตอร์กลับมาอีกครั้ง
Credit TB-TALK