แรงงานศรีลังกาจะช่วยบรรเทาการขาดแคลนแรงงานที่ปัจจุบันภาคแรงงานของไทยกำลังเกิดภาวะตึงตัว และเผชิญปัญหาการขาดแคลนแรงงานฉับพลัน กระทรวงแรงงานไทยระบุว่าภาวะขาดแคลนแรงงานเป็นผลจากความไม่สงบในเมียนมา และความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลทำให้มีแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาบางส่วน จำนวน 22,546 คน เดินทางกลับประเทศต้นทาง และยังมีทยอยเดินทางกลับต่อเนื่อง
แต่หากประเมินจากแรงงานกัมพูชาที่อยู่ในไทยทั้งที่ลงทะเบียนและไม่ได้ลงทะเบียนคาดว่า ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้แรงงานกัมพูชากว่า 400,000 คน ซึ่งคิดเป็นประมาณกว่าร้อยละ 10 ของแรงงานต่างด้าว ต้องเดินทางกลับบ้านเพื่อความปลอดภัย สถานการณ์ดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันต่อหลายภาคส่วนของเศรษฐกิจไทย เฉพาะอย่างยิ่งในภาคเกษตรกรรม สวนผลไม้ ก่อสร้าง และการผลิตอื่น ๆ ซึ่งต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าวเป็นหลัก
ส่วนในประเทศ กระทรวงแรงงานไทยระบุว่ายังมีแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา จำนวน 98,548 คน ลาว จำนวน 91,489 คน เมียนมา จำนวน 194,441 คน และเวียดนาม จำนวน 3,573 คน รวมทั้งหมด ประมาณ 388,051 คน ที่ใบอนุญาตทำงานสิ้นสุดลงแล้ว ซึ่งเพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าวคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อ 19 สิงหาคม 2568 ดำเนินการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวขาดแคลน เช่น ผ่อนผันให้ดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวได้ และกำหนดให้มีการนำคนต่างด้าวสัญชาติอื่น ๆ เข้ามาทำงานกับนายจ้างในประเทศไทยผ่านระบบ บันทึกช่วยจำ (MOU) ซึ่งเป็นการอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานเป็นระยะเวลา 2 ปี และสามารถต่ออายุได้อีก 2 ปี หลักเกณฑ์เช่นเดียวกับคนต่างด้าวสัญชาติอื่นที่เข้ามาทำงานตามระบบ MOU
รัฐบาลไทยจึงตัดสินใจเปิดรับแรงงานจากศรีลังกา เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานต่างด้าว โดยในระยะแรกจะมีแรงงานประมาณ 10,000 คน เข้ามาทำงานในประเทศไทยจากมีผู้ลงทะเบียน 30,000 คน ทั้งนี้ ยังมีแรงงานจากประเทศอื่น ๆ เช่น เนปาล บังกลาเทศ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ที่อยู่ในกระบวนการรับเพิ่มเติม เพื่อเสริมทัพแรงงานต่างด้าวในตลาดแรงงานไทย นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานพร้อมจะเสนอคณะรัฐมนตรี หากไทยมีความต้องการแรงงานสัญชาติศรีลังกาเพิ่ม
ทั้งนี้ ศรีลังกากำลังกลายเป็นแหล่งแรงงานทดแทนที่สำคัญ ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจในศรีลังกาก็เป็นปัจจัยผลักดันให้ชาวศรีลังกาจำนวนมากต้องออกไปแสวงหาโอกาสทำงานในต่างประเทศ ทั้งนี้ เมื่อปี 2567 มีแรงงานศรีลังกาเดินทางไปทำงานต่างประเทศ กว่า 300,000 คน โดยดหมายปลายทาง คือประเทศในตะวันออกกลาง รองลงมาคือ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างแรงงานต่างด้าวด้วยการรับจากศรีลังกา และประเทศอื่น ๆ เข้ามาแทนที่แรงงานกัมพูชา และเมียนมาในไทย แรงงานดังกล่าวอาจมีทักษะไม่เท่ากับแรงงานต่างด้าวเดิม รวมทั้งต้องใช้เวลาในการปรับตัวทั้งด้านภาษา วัฒนธรรม และการกลมกลืนเข้ากับสังคมไทยที่ต้องยอมรับว่าไม่ได้มีความใกล้ชิดเท่ากับแรงงานจากกัมพูชาและเมียนมา รวมถึงอาจต้องมีการฝึกทักษะในการทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการของนายจ้างไทย ขณะที่ประสิทธิภาพของงานอาจต้องได้รับการตรวจสอบมากขึ้น
ขณะเดียวกันภาคธุรกิจยังคงจับตาอย่างใกล้ชิดว่ามาตรการใหม่นี้จะเพียงพอในการบรรเทาผลกระทบจากการสูญเสียแรงงานกัมพูชาครั้งใหญ่หรือไม่ และค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการที่อาจต้องเพิ่มมากขึ้นในการเพิ่มทักษะให้กับแรงงานต่างด้าวศรีลังกา หรือจากประเทศอื่น ที่ไม่ใช่แรงงานต่างด้าวเดิม อย่างไรก็ดี ในภาพรวมการปรับไปพึ่งพาแรงงานต่างด้าวของไทยจากศรีลังกา ไม่เพียงเป็นวิธีการแก้ไขแรงงานขาดแคลน แต่ยังสะท้อนความพยายามของไทยในการกระจายการพึ่งพาแรงงานต่างด้าว ไม่ให้พึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป