![]()

ผู้แทนรัฐบาลจีนใช้ประโยชน์จากการเข้าร่วมการประชุมระดับนานาชาติให้คุ้มค่า โดยไปเพื่อประชาสัมพันธ์นโยบายของจีน ที่พร้อมเป็น “โมเดล” ในการพัฒนาให้ประเทศอื่น ๆ ทำตาม รวมทั้งร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อสร้างสังคมโลกที่น่าอยู่ มั่งคั่งและปลอดภัย เพราะรัฐบาลจีนตระหนักว่า การจะบรรลุเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์การฟื้นฟูชาติจีนครั้งยิ่งใหญ่ หรือ Great Rejuvenation of the Chinese Nation ได้ภายในปี 2592 นั้น จีนจำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และต้องพร้อมก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำโลกในมิติต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการพัฒนาสังคม…
ดังนั้น จีนจึงให้ความสำคัญกับการไปเข้าร่วมการประชุมระดับพหุภาคีต่าง ๆ เพื่อโน้มน้าวให้ประเทศที่มีเป้าหมายและผลประโยชน์ร่วมกันด้านการพัฒนา เห็นว่าจีนสามารถเป็น “ตัวอย่างที่ดี” ในเวทีโลกได้ เฉพาะอย่างยิ่งด้านการ “พัฒนาสังคม” ซึ่งเป็นกรอบที่น่าจะดึงดูดความสนใจจากนานาชาติได้
การประชุม World Social Summit ที่กาตาร์ครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 โดยการประชุมครั้งแรกมีขึ้นที่กรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์กเมื่อปี 2538 มีผู้แทนจากรัฐบาลประเทศต่าง ๆ เข้าร่วม 117 ประเทศ ซึ่งประเทศที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนั้นเห็นพ้องที่จะส่งเสริมการพัฒนาสังคมให้ยั่งยืนตามเป้าหมายในปี 2573
สาเหตุที่นานาชาติให้ความสนใจเรื่องการพัฒนา เพราะองค์การสหประชาชาติ (UN) สนับสนุนให้เป็นปัจจัยสำคัญสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่ผ่านมา UN ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแนวคิดการพัฒนาสังคม โดยเน้นเรื่องการกำจัดความยากจน กระจายโอกาสทางเศรษฐกิจให้มีความเท่าเทียม สนับสนุนการเข้าถึงบริการด้านการศึกษาและสาธารณสุข การบริหารจัดการทรัพยากรให้เหมาะสม และการให้ความสำคัญกับประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก…
รัฐบาลจีนศึกษาเป้าหมายและแนวทางดำเนินงานของ UN อย่างใกล้ชิด จนประสบความสำเร็จในการเชื่อมโยงนโยบายการพัฒนาสังคมของจีนให้สอดคล้องกับการดำเนินการของ UN ได้ และสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการ “สื่อสารเชิงกลยุทธ์” ทำให้ภาพลักษณ์ของจีนน่าเชื่อถือในเวทีระหว่างประเทศ รวมทั้งสามารถให้ข้อเสนอเพื่อเป็นแนวทางให้ประเทศอื่น ๆ ดำเนินการตาม
ตัวอย่างการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ที่จีนใช้ล่าสุด คือ เมื่อ 5 พฤศจิกายน 2568 ว่า รองประธานาธิบดี Han Zheng ของจีนเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม World Social Summit ที่กรุงโดฮา กาตาร์ ซึ่งเป็นการประชุมภายใต้การดำเนินงานของ UN เพื่อเชิญให้ผู้นำโลก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล องค์กรระหว่างประเทศ ภาคเอกชน สถาบันวิชาการ NGOs และภาคประชาสังคม ได้แสดงวิสัยทัศน์ รวมทั้งข้อเสนอเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาสังคมให้พ้นจากปัญหาความไม่เท่าเทียม และสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร รวมทั้งการอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้
รองประธานาธิบดีจีนได้ใช้โอกาสการประชุมครั้งนี้ เน้นย้ำว่าจีนประสบความสำเร็จในการพัฒนาสังคมในประเทศ ตามเป้าหมายของ UN ซึ่งวิธีการที่ทำให้รัฐบาลจีนประสบความสำเร็จ คือ การโฟกัสไปที่การทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีการศึกษา มีระบบสาธารณสุขที่ดี รวมทั้งมีความร่วมมือเพื่อพัฒนาสังคมในประเทศอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง จีนจึงยินดีร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ต่อไปเพื่อให้ประสบความสำเร็จเหมือนกัน รวมทั้งเสนอ 4 เสาหลักของการพัฒนาสังคมโลกร่วมกัน
สำหรับ 4 เสาหลักเพื่อการพัฒนาสังคมมนุษยชาติ ประกอบด้วย 1) ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน (people well-being) โดยเน้นขจัดความยากจน 2) นานาชาติต้องมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การพัฒนาที่ยั่งยืนในปี 2573 (sustainable) ซึ่งต้องทำให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ 3) ทุกประเทศต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับหลักคิดการมีส่วนร่วม (inclusiveness) ของทุกฝ่าย เพื่อไม่ให้มีคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือประเทศใดประเทศหนึ่งถูกละเลยหรือไม่ได้ประโยชน์จากการพัฒนา และ 4) ส่งเสริมและสนับสนุนความสามัคคีและความร่วมมือระหว่างกัน (solidarity and cooperation) โดยใช้กลไกสหประชาชาติเป็นศูนย์กลางความร่วมมือ
ข้อเสนอทั้ง 4 เสาหลักเป็นแนวทางการพัฒนาสังคมที่ดี แต่อยากให้ตั้งข้อสังเกตว่า ข้อเสนอดังกล่าว สอดคล้องกับข้อริเริ่มของจีน 4 กรอบที่จะเชื่อมโยงนานาชาติ ได้แก่ 1) Global Development Initiative ข้อริเริ่มที่เน้นการพัฒนา 2) Global Security Initiative ข้อริเริ่มด้านความมั่นคง 3) Global Civilization Initiative ข้อริเริ่มด้านอารยธรรม และ 4) Global Governance Initiative ข้อริเริ่มด้านธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นแนวคิดเชิงนโยบายของจีนที่รัฐบาลประธานาธิบดีสี จิ้นผิงนำเสนอให้ชาวจีนและทั่วโลกรับรู้ว่าเป็นนโยบายหลักของประเทศ แทนข้อริเริ่ม Belt and Road Initiative (BRI) ซึ่งยังดำเนินการอยู่ แต่ลดการประชาสัมพันธ์ลงเพราะหลายประเทศเริ่มมีมุมมองว่า BRI เน้นตอบสนองผลประโยชน์แห่งชาติของจีนเท่านั้น ขณะที่ข้อเริ่มใหม่ทั้ง 4 มีลักษณะเป็นความมุ่งหมายของจีนที่พร้อมจะร่วมมือกับทุกประเทศทั่วโลกอย่างเท่าเทียม…
การที่รองประธานาธิบดีจีนเสนอ 4 เสาหลักด้านการพัฒนาในการประชุม World Social Summit ครั้งนี้ จึงเป็นทั้งการให้ข้อเสนอ ควบคู่กับการโปรโมทแนวคิดเชิงนโยบายของจีน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อจีนในการทำให้นานาชาติเห็นว่าเป็นประเทศที่มีแนวนโยบายชัดเจนและสามารถปฏิบัติตามได้ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำให้วิธีคิดหรือแนวปฏิบัติของจีนได้รับการยอมรับ จนในที่สุดอาจได้กลายเป็นมาตรฐานหรือแนวปฏิบัติที่ดี (best practice) ในระดับสากล เริ่มจากมิติ “การพัฒนา” …และเป็นสัญญาณว่า ในอนาคตจีนอาจเสนอเสาหลักด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และความมั่นคงโลกได้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น การติดตามข้อเสนอและวิสัยทัศน์ของผู้แทนรัฐบาลจีนในการประชุมด่าง ๆ อาจเป็นโอกาสให้นานาชาติได้รู้ว่าจีนกำลังคิดอะไร ต้องการอะไร และจะดำเนินนโยบายอย่างไรต่อไป เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ได้เตรียมรับมือกับการก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจและผู้นำโลกของจีนได้ทัน โดยยังคงปกป้องผลประโยชน์ของชาติได้ดี







