จับตานโยบายการทูตเชิงรุกของผู้นำสหรัฐฯ ในการเยือนตะวันออกกลาง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเดินทางไป 3 ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางระหว่าง 13-16 พฤษภาคม 2568 ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเคสต์ (UAE) ซึ่งเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของประธานาธิบดีทรัมป์หลังจากเข้ารับตำแหน่งในสมัยที่ 2 ซึ่งทำให้ทั่วโลกจับตามองการเยือนครั้งนี้ว่าทำไมผู้นำสหรัฐฯ เลือกเยือน 3 ประเทศพันธมิตรนี้ และอะไรคือผลประโยชน์ทางการเมืองระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ และความมั่นคงที่ทั้ง 3 ประเทศจะใช้ต่อรองกับผู้นำสหรัฐฯ เช่นกัน ทั้ง 3 ประเทศในตะวันออกกลางนี้ มีนโยบายเสริมสร้างบทบาทมหาอำนาจในภูมิภาคและการเพิ่มบทบาทเป็นตัวกลางการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาขัดแย้งในพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน สถานการณ์ในฉนวนกาซา และการรับมือกับอิหร่าน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ ด้วย ผู้นำสหรัฐฯ ต้องการใช้การเยือนครั้งนี้ส่งสัญญาณให้ทั่วโลกเห็นว่าสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับพันธมิตรที่พร้อมร่วมมือกับสหรัฐฯ อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ทำให้ทั่วโลกเห็นว่า สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งตอบโจทย์ยุทธศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ และความมั่นคงของสหรัฐฯ มากที่สุดในมุมมองของประธานาธิบดีทรัมป์ แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ ที่ผู้นำสหรัฐฯ อาจมองว่ามีอิทธิพลของประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ สูงมากและไม่พร้อมเจรจาต่อรองผลประโยชน์กับสหรัฐฯ ขณะที่ 3 ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางนี้พร้อมเจรจาซื้อ-ขายอาวุธกับสหรัฐ รวมทั้งหารือเรื่องการลงทุนระหว่างประเทศที่มีมูลค่ามหาศาล…