อิหร่านเพิ่มมาตรการลงโทษเด็ดขาดต่อผู้ที่ร่วมมือกับสหรัฐฯ และอิสราเอล
รัฐสภาอิหร่านเมื่อ 30 มิถุนายน 2568 อนุมัติกฎหมายใหม่ที่จะลงโทษขั้นสูงสุดต่อผู้ที่ให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ อิสราเอล และประเทศคู่ขัดแย้งอื่น ๆ เพื่อบ่อนทำลายหรือขัดขวางความมั่นคงของชาติอิหร่าน กฎหมายดังกล่าวอนุญาตให้ศาลสามารถพิจารณาโทษประหารชีวิต แก่บุคคลใดก็ตามที่สอบสวนแล้วพบว่ามีพฤติกรรมเป็นภัยคุกคามต่ออิหร่าน ทั้งบ่อนทำลาย ปฏิบัติการลับ เป็นสายลับ หรือดำเนินงานข่าวกรองให้กับสหรัฐฯ และอิสราเอล ตลอดจนห้ามสนับสนุนอิสราเอลหรือมีความร่วมมือกับอิสราเอลทั้งในมิติเศรษฐกิจและเทคโนโลยี อิหร่านยังห้ามประชาชนไม่ให้ใช้สัญญาณดาวเทียมและอินเทอร์เน็ตจาก Starlink เพื่อหลบเลี่ยงการที่รัฐบาลจะถูกตรวจสอบรวมทั้งติดตาม และกำหนดให้พฤติกรรมที่เป็นภัยต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของรัฐ เช่น การโจมตีทางไซเบอร์ รบกวนสัญญาณสื่อสาร และการขัดขวางระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ จะต้องโทษประหารชีวิตด้วย การที่ฝ่ายนิติบัญญัติอิหร่านยกระดับโทษสูงสุด สะท้อนว่ารัฐบาลอิหร่านต้องการยกระดับความมั่นคงปลอดภัยของชาติและระบอบการปกครองด้วยกลไกทางกฎหมาย และป้องกันไม่ให้ประชาชนชาวอิหร่านตกเป็นเครื่องมือของต่างประเทศ โดยเฉพาะอิสราเอลที่ดำเนินงานข่าวกรองในอิหร่าน และมีรายงานอย่างชัดเจนว่าหน่วยข่าวกรองอิสราเอลแฝงตัวเข้าไปในอิหร่าน จนทำให้อิหร่านต้องถูกโจมตีอย่างหนักเมื่อช่วงกลางมิถุนายน 2568 โดยนอกจากการเพิ่มโทษประหารชีวิต ยังเพิ่มโทษต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล่อยข้อมูล ทำโฆษณาชวนเชื่อ การเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ และการชุมนุมในช่วงสงครามอีกด้วย กรณีดังกล่าวมีขึ้นในช่วงที่อิหร่านเผชิญความขัดแย้งตึงเครียดกับอิสราเอลและสหรัฐฯ โดยปัจจุบันยังคงมีรายงานการตอบโต้ทางการทหารและการทูตระหว่างกันต่อเนื่อง โดยอิหร่าน-อิสราเอลใช้การตอบโต้ด้วยวิธีการทางทหาร ส่วนอิหร่าน-สหรัฐฯ ใช้การตอบโต้ทางการทูต ล่าสุดเมื่อ 30 มิถุนายน 2568 มีรายงานว่าอิสราเอลโจมตีเรือนจำ Evin ในกรุงเตหะรานของอิหร่าน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และทำให้นานาชาติกังวลเพราะเรือนจำดังกล่าวไม่ควรตกเป็นเป้าหมายโจมตีของอิสราเอล เพราะมีชาวต่างชาติอยู่ด้วย และขัดแย้งกับเป้าหมายของอิสราเอลที่ก่อนหน้านี้อ้างว่าจะโจมตีสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารและการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน บรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ…