การสู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮะมาสในฉนวนกาซายังมีแนวโน้มยืดเยื้อแม้จะกินเวลาครบ 3 เดือนเมื่อ 7 ม.ค.67 โดยกองทัพอิสราเอลยังปฏิบัติการโจมตีอย่างต่อเนื่องในฉนวนกาซา โดยเฉพาะในพื้นที่ตอนกลางและตอนใต้ เป้าหมายเพื่อทำลายกลุ่มฮะมาส ขณะที่รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 22,800 ราย แลได้รับบาดเจ็บประมาณ 58,000 ราย ปัจจุบัน กลุ่มฮะมาสเรียกร้องให้นานาชาติให้ความสำคัญกับข้อเรียกร้องของแอฟริกาใต้เมื่อ ธ.ค.66 ที่ยื่นฟ้องต่อศาลโลกให้สืบสวนอิสราเอลในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เนื่องจากสงครามดังกล่าวทำลายชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือนไปจำนวนมาก รวมทั้งมีข้อมูลว่า กองทัพอิสราเอลไม่ใช้อุปกรณ์นำวิถีในสงครามดังกล่าว
การทำสงครามที่ยาวนานเริ่มส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการเมืองภายในอิสราเอล โดยมีรายงานเมื่อ 8 ม.ค.67 ว่า สมาชิกคณะรัฐมนตรีของอิสราเอลบางส่วนปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการประชุม เนื่องจากมีความขัดแย้งระหว่างนักการเมืองที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันเรื่องนโยบายของอิสราเอลต่อฉนวนกาซา นอกจากนี้ ยังเริ่มมีกระแสผู้ประท้วงในประเทศเรียกร้องให้ผู้นำอิสราเอลลาออกจากตำแหน่ง และจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่
นานาชาติยังไม่ประสบความสำเร็จในการกดดันอิสราเอลให้ยุติปฏิบัติการทางทหาร หรือหยุดยิงชั่วคราวอีกครั้งเพื่อช่วยเหลือตัวประกัน อย่างไรก็ตาม นานาชาติคาดหวังบทบาทของสหรัฐฯ ที่ส่ง รมว.กต.ไปเยือนตะวันออกกลางเป็นครั้งที่ 4 เพื่อกระชับความสัมพันธ์และรวบรวมข้อมูล โดยการเยือนครั้งนี้ได้ไปอิสราเอลด้วย คาดว่า เพื่อโน้มน้าวให้ยุติปฏิบัติการทางหาร เพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ขยายความรุนแรงหรือขยายพื้นที่นอกฉนวนกาซา เนื่องจากปัจจุบันเริ่มปรากฏการโจมตีตอบโต้กันระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ที่อยู่ในเลบานอนรุนแรงและตึงเครียดมากขึ้น หลังจากอิสราเอลสังหารรองผู้นำกลุ่มฮะมาสขณะอยู่ในเลบานอน ทำให้กลุ่มฮิซบุลลอฮ์ซึ่งสนับสนุนกลุ่มฮะมาสไม่พอใจอย่างมาก รวมทั้งมีแนวโน้มยกระดับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์มากขึ้น
สถานการณ์ในฉนวนกาซาที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในตะวันออกกลาง รวมทั้งความปลอดภัยในการเดินเรือผ่านทะเลแดง เนื่องจากเรือขนส่งสินค้ายังตกเป็นเป้าหมายโจมตีของกองกำลังที่ต่อต้านอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง