เมื่อสองวันก่อนมีข่าวเศร้าว่าคนงานไทย 2 ใน 8 คนที่ถูกจับเป็นตัวประกันในฉนวนกาซ่าได้เสียชีวิตแล้ว เป็นการยืนยันจากทางการอิสราเอลถึงรัฐบาลไทย ขอแสดงความเสียใจกับญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตด้วย คนหนึ่งอยู่หนองบัวลำภูอีกคนหนึ่งอยู่หนองคาย ทั้งนี้ก่อนที่กองกำลังติดอาวุธฮามาสจะบุกเข้าไปโจมตีในอิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคม 2566 มีแรงงานไทยทำงานอยู่ในอิสราเอลประมาณ 29,000 คน หลังการโจมตีแรงงานไทยเดินทางกลับประเทศ 9,000 คน ยังคงอยู่ต่อ 20,000 คน ซึ่งผลของความขัดแย้งครั้งนี้ทำให้มีคนไทยเสียชีวิต 39 คน ได้รับการปล่อยตัว 23 คน และยังคงถูกจับเป็นตัวประกันโดยไม่ทราบชะตากรรม 8 คน ซึ่ง 2 คนก็เพิ่งมีข่าวว่าได้เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่หลังเหตุการณ์โจมตีใหม่ๆ
ไม่ว่าอย่างไร ก็ยังมีแรงงานไทยอีกประมาณ 3 หมื่นคนที่แสดงเจตนาจะไปทำงานในอิสราเอลตามตัวเลขของกรมการจัดหางาน แต่ทางการอิสราเอลยังไม่เปิดให้คนงานเดินทางได้จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้องค์การจัดการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานของประชากรข้ามพรมแดนของอิสราเอล หรือ PIBA เพิ่งประกาศให้โควต้าแก่แรงงานภาคการเกษตรจากไทยจำนวน 5,000 คน เดินทางไปทำงานในอิสราเอลได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงธันวาคม 2567 หลังจากที่ถูกพักการเดินทางตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยคนงานเหล่านี้จะไปทำงานในพื้นที่ปลอดภัยแต่ก็ต้องได้รับการฝึกอบรมเรื่องการเอาตัวรอดในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้สถานทูตไทยในอิสราเอลได้บอกให้คนไทยติดตามสถานการณ์และฟังคำแนะนำจากทางการอิสราเอลอย่างใกล้ชิดเนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงทางตอนเหนือของอิสราเอลและใกล้กับพื้นที่ฉนวนกาซ่ายังคงมีความเสี่ยง แรงงานไทยที่ไปทำงานในพื้นที่ดังกล่าวควรติดต่อกับสถานทูตไทยไว้ในกรณีที่อาจต้องมีการอพยพเร่งด่วน
สำหรับสถานการณ์สู้รบขณะนี้ อิสราเอลน่าจะเพิ่มความเข้มข้นของการปฏิบัติการหลังจากส่งกำลังภาคพื้นดินเข้ายึดเมืองราฟาห์ซึ่งเป็นเมืองชายแดนติดกับอียิปต์ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากสหรัฐและนานาชาติ แม้แต่รัฐมนตรีในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูบางคนก็ไม่ค่อยเห็นด้วยและยื่นคำขาดให้รัฐบาลต้องมีแผนจัดการกับอนาคตของกาซ่าที่ชัดเจนมิฉะนั้นก็จะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล
การบุกราฟาห์จะเป็นที่หมายสุดท้ายในปฏิบัติการเพื่อทำลายกลุ่มฮามาสแต่ยังบอกไม่ได้ว่ายังเหลือโครงสร้างอีกเท่าไรที่จะต้องทำลายและยังเหลือตัวประกันอยู่ในมือฮามาสอีกกี่คนแต่ตามตัวเลขของทางการอิสราเอล มีตัวประกันถูกจับตัวไปทั้งหมด 253 คน ในจำนวนนี้ 109 คนได้รับการปล่อยตัวจากการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษ และ 3 คนได้รับการช่วยเหลือออกมา ทั้งนี้ได้พบศพตัวประกันเสียชีวิตไปแล้ว 12 คน ข้อมูลของอิสราเอลยังบอกว่าในบรรดาตัวประกันที่ยังเหลืออยู่ 129 คนนั้น ยืนยันว่าเสียชีวิตไปแล้ว 34 คน
ผลจากการบุกกาซ่าของอิสราเอลทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้วประมาณ 33,000 คน ในจำนวนนี้เป็นนักรบฮามาสประมาณ 13,000 คน ระดับแกนนำเสียชีวิตไปประมาณ 100 คน สำหรับผู้นำสูงสุดของฮามาสอย่างนายอิสมาอีล ฮานิเย ยังคงอาศัยอยู่ในต่างประเทศขณะที่นายมาวัน อิสสะ ผู้นำสายทหารที่อิสราเอลต้องการตัวมากที่สุดถูกสังหารไปแล้วเช่นเดียวกับนายซาเล่ห์ อารูลี่ ผู้นำสายการเมืองที่ถูกระเบิดสังหารที่กรุงเบรุต แต่ผู้นำฮามาสคนสำคัญอีกหลายคนยังคงเคลื่อนไหวอยู่รวมทั้งนายยะยาห์ ซินวาร์
เกี่ยวกับเครือข่ายอุโมงค์ลับของฮามาสในพื้นที่ฉนวนกาซ่าที่มีความยาวรวมกันประมาณ 500 ก.ม.นั้น มีข้อมูลที่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีการค้นพบอุโมงค์ประมาณ 200 เส้นทางและน่าจะได้มีการทำลายไปแล้วบางส่วน
ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าการบุกยึดราฟาห์ของอิสราเอลจะยุติลงเมื่อใดแต่ปฏิบัติการนี้น่าจะทำควบคู่ไปกับการเจรจา หรือการหยุดยิงเพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนตัวประกันและความรุนแรงจากนี้ไปควรจะลดลง แต่เรื่องสำคัญกว่านั้นคือการจัดการกับอนาคตของชาวปาเลสไตน์ในกาซ่าเพื่อให้มีสันติภาพเกิดขึ้นอย่างถาวรเนื่องจากพื้นที่ของรัฐปาเลสไตน์คือเวสต์แบ้งค์กับกาซ่าซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาอีกนานในการจัดการเนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและจะต้องมีคนกลางที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้
Credit TB-TALK page