การปฏิบัติการทางทหารของ 3 พันธมิตรกลุ่มชาติพันธุ์ในพม่าภายใต้ชื่อรหัส 1027 เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว อาจเป็นการเริ่มสตาร์ทการนับถอยหลังของระบอบทหารที่ปกครองพม่าอยู่ในปัจจุบัน เพราะการที่จีนอยู่เบื้องหลังการปฏิบัติการที่ว่านี้ เท่ากับว่าจีนเริ่มเปลี่ยนท่าทีออกจากที่เคยอุ้มมินอ่องไหล่ตอนรัฐประหารใหม่ๆ และมาถึงตอนนี้ยิ่งชัดเข้าไปอีกเมื่อกลุ่มต่อต้านเข้ายึดเมืองล่าเสี้ยวทางเหนือของรัฐฉานในขณะที่จีนกลับไม่ยอมตอบสนองรัฐบาลทหารพม่าในการเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยกับกลุ่มต่อต้านเหมือนอย่างที่เคยช่วยยุติการสู้รบในห้วงที่ผ่านมา
ทุกวันนี้เมืองสำคัญในแนวชายแดนพม่า-จีน ถูกกลุ่มต่อต้านยึดครองไปแล้ว 11 เมืองจาก 18 เมือง
ปฏิบัติการ 1027 ยังเป็นเหมือนตัวจุดประกายให้กลุ่มต่อต้านอื่นๆ ลุกขึ้นมาสู้รบกับทหารพม่าที่เวลานี้กำลังโงนเงน กรณี “เมียวดีแตก” ที่รัฐกะเหรี่ยงเป็นตัวอย่างที่ดีที่พม่าเกือบเสียที่มั่นสำคัญให้กับกะเหรี่ยง KNU ไปแล้วแต่โชคดีที่ยังมีกะเหรี่ยงสายหม่องชิตตู่ที่ยึดผลประโยชน์เป็นที่ตั้งจึงทำให้ทหารพม่าได้กลับเข้าไปอยู่ท่ามกลางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มจีนเทาในพื้นที่ต่อไปซึ่งตรงนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่จีนจ้องมองอยู่แบบตาไม่กระพริบเลยทีเดียว
จีนมีผลประโยชน์ในพม่ามากก็จริงแต่ก็ไม่ถึงกับสำคัญมากและคงไม่ขยายการลงทุนไปมากกว่านี้ ผลประโยชน์หลักๆ ก็เป็นเรื่องทางออกสู่มหาสมุทรอินเดีย โครงการท่าเรือน้ำลึกที่จ่อผิ่วกับโครงการเขื่อนมะยึดส่วย ซึ่ง 2 โครงการนี้หยุดชะงักไป เหลือท่อก๊าซที่พาดผ่านไปยูนาน ผลประโยชน์ของจีนในพม่าจึงตกไปที่มณฑลยูนานมากกว่ารัฐบาลกลาง ในขณะที่การลงทุนของจีนในพม่าตั้งแต่ปี 64 จำนวน 2,500 ล้าน USD จากนั้นก็ไม่มีการลงทุนอีกเลยซึ่งน่าจะเป็นเพราะจีนต้องการรอดูสถานการณ์การเมืองในพม่าให้นิ่งกว่านี้ ผลประโยชน์ของจีนที่สำคัญที่สุดตอนนี้จึงกลายเป็นการกำจัดแก๊งค์อาชญากรรมออนไลน์ที่เป็นภัยคุกคามต่อประชาชนจีนโดยแก๊งค์พวกนี้ตั้งฐานอยู่ในพม่าและประเทศใกล้เคียงซึ่งจีนได้ขอให้รัฐบาลพม่าร่วมมือปราบปรามแล้วแต่ก็ทำไม่ได้จึงต้องไปอาศัยมือกลุ่มต่อต้านพันธมิตร 3 พี่น้องปราบปรามแก๊งค์คอลเซนเตอร์ที่เมืองเล้าก่ายในเขตของโกกั้ง จนพวกอาชญากรย้ายไปอยู่ที่ชะเวก๊กโก่ เขตเมียวดี ซึ่งการที่หม่องชิตตู่ยังมีอำนาจเหนือรัฐบาลพม่าในการปกป้องพวกจีนเทาในเมียวดีอยู่ได้นั้นในสายตาจีนคงมองว่ารัฐบาลพม่ายังคง “ไร้ความสามารถ” ในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์พวกนี้เหมือนเดิม ทั้งนี้ตามตัวเลขของ ONHCR เมื่อปี 66 ระบุว่ามีอาชญากรออนไลน์ทำงานอยู่ในพม่าประมาณ 120,000 คน สร้างรายได้ประมาณ 15,300 ล้าน USD ซึ่งเท่ากับ 1 ใน 4 ของ GDP ของพม่า
แม้ว่าหวางอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนจะมาพบกับมินอ่องไหล่เมื่อกลางเดือนนี้แต่ก็เป็นการมาเชิงสัญลักษณ์เพื่อแสดงให้เห็นว่าจีนยังสนับสนุนอำนาจของรัฐบาลพม่า คล้ายๆ กับมาให้อุ่นใจว่าพร้อมจะดูแลให้นะหากลงจากอำนาจ แต่ไฮไล้ท์น่าจะอยู่ที่การไปพบกับผู้หลักผู้ใหญ่อย่างนายพลตานฉ่วยมากกว่าซึ่งเรื่องบนโต๊ะพูดคุยคงเป็นเรื่องเดียวกับที่หวางอี้คุยกับนายพลเต็งเส่งก่อนหน้านี้ คือการขอให้ช่วยกล่อมให้มินอ่องไหล่ยอมลงจากตำแหน่งแล้วส่งมอบอำนาจให้รัฐบาลใหม่จัดการเลือกตั้ง
การที่จีนเชิญอดีตประธานาธิบดีเต็งเส่ง ไปเยือนจีน ตามด้วยการเชิญ พล.อ.โซวิน ซึ่งเป็นเบอร์ 2 ของรัฐบาล ในขณะที่ยังไม่เชิญเบอร์ 1 คือ มินอ่องไหล่ไปเยือนเนื่องจากต้องการให้มินอ่องไหล่ประกาศวันเลือกตั้งออกมาก่อน อีกทั้งมินอ่องไหล่เองก็ดูจะเอนเอียงไปทางรัสเซียและยังแสดงท่าทีว่าไม่ต้องการให้พม่าอยู่ใต้อิทธิพลของจีน ด้วยเหตุนี้ระยะหลังจึงมีข่าวลือบ่อยๆ ว่าจีนไม่เอามินอ่องไหล่ หรือเกิดการปฏิวัติซ้อนในรัฐบาลทหารพม่า ทั้งนี้แม้ว่าจีนจะไม่ค่อยปลื้มรัฐบาลของมินอ่องไหล่ตอนนี้เท่ากับรัฐบาลพรรค NLD ที่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่จีนก็น่าจะสนับสนุนการเลือกตั้งที่มินอ่องไหล่ประกาศว่าจะมีในปี 2568 แม้จะไม่ค่อยเชื่อถือก็ตาม เนื่องจากจะเป็นทางลงที่ดีให้กับมินอ่องไหล่โดยที่ไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อ
อนาคตของพม่าจะยังคงไม่มีเสถียรภาพเนื่องจากการสู้รบระหว่างทหารพม่ากับกลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มต่อต้านจะดำเนินต่อไปในขณะที่จีนจะยังทรงอิทธิพลสุงสุดในพม่าแต่จีนก็จะระมัดระวังและไม่เลือกข้าง แม้ว่าจะสนับสนุนชนกลุ่มน้อยบางกลุ่มแต่ก็เพื่อปฏิบัติการที่เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของจีน การที่ระดับสูงของจีนพบกับอดีตนายพลพม่า และนายพลโซวินผู้เป็นเบอร์ 2 ก็เป็นการยืนยันอย่างหนึ่งว่าจีนสนับสนุนอำนาจของรัฐบาลกลางและไม่ต้องการแทรกแซงพม่าเหมือนกับที่สีจิ้นผิงเคยพูดกับเต็งเส่งในโอกาสความสัมพันธ์จีน-พม่า 60 ปีว่าจีนไม่ต้องเป็นรัฐที่แข็งแรงกว่าแล้วมาข่มเหงรัฐที่อ่อนแอกว่า
Credit : TB Talk Facebook