กองทัพอิสราเอลเมื่อ 16 พ.ย. 67 เตรียมยกระดับการโจมตีกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ในเลบานอน โดยประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ Haret Hreik ทางตอนใต้ของเมืองเบรุต เมืองหลวงของเลบานอนอพยพ เพื่อปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธที่ยังคงโจมตีตอบโต้อิสราเอลอย่างต่อเนื่อง มีข้อสังเกตว่ากลุ่มติดอาวุธในเลบานอนใช้การโจมตีทางอากาศเป็นหลัก ทั้งการยิงขีปนาวุธ และใช้โดรนทำลายกองทัพของอิสราเอล ทั้งนี้ การโจมตีของอิสราเอลในเลบานอนครั้งนี้ค่อนข้างน่ากังวล เนื่องจากปัจจุบัน Ali Larijani ที่ปรึกษาอาวุโสของผู้นำสูงสุดอิหร่าน อยู่ระหว่างการเยือนกรุงเบรุต ดังนั้น อิสราเอลต้องระมัดระวังการปฏิบัติการโจมตีในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างมาก หากเกิดอุบัติเหตุทางการทหารหรือที่ปรึกษาอาวุโสของอิหร่านตกอยู่ในอันตราย จะทำให้สถานการณ์ยกระดับความตึงเครียดสูงมากขึ้น
องค์กรปกป้องสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศกังวลกับปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในเลบานอน คาดว่าจะซ้ำรอยวิกฤตด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา ด้านอิหร่าน ซึ่งติดตามสถานการณ์ในเลบานอนอย่างใกล้ชิด ยืนยันว่าสนับสนุนเลบานอนอย่างเต็มที่ หากต้องการเจรจาหยุดยิงกับอิสราเอล
ด้านปฏิบัติการของอิสราเอลในฉนวนกาซายังคงมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เน้นการลาดตระเวนภาคพื้นดินด้วยรถถัง ปืนใหญ่ และกองกำลังทหาร ในพื้นที่ตอนเหนือของฉนวนกาซา ส่งผลให้มีพลเรือนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น สถานการณ์ดังกล่าวทำให้นานาชาติเพิ่มแรงกดดันอิสราเอล ที่น่าสนใจ คือ กรณีมาเลเซียใช้การประชุมสุดยอดเอเปคที่เปรูเมื่อ 16 พ.ย.67 ยืนยันนโยบายไม่รับรองสถานะรัฐอิสราเอล เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปฏิบัติการอันโหดร้ายของอิสราเอลมาโดยตลอด และเดินหน้าผลักดันการถอนอิสราเอลออกจากเป็นสมาชิกสหประชาชาติด้วย
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการพิเศษของสหประชาชาติเมื่อ 15 พ.ย.67 เผยแพร่รายงานที่ระบุว่าการทำสงครามของอิสราเอลมีลักษณะเชื่อมโยงกับความพยายามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เนื่องจากใช้ความอดอยากเป็นเครื่องมือในการทำสงคราม และไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของนานาชาติ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ด้านรัฐมนตรีการต่างประเทศสหภาพยุโรป (EU) ก็ประณามอิสราเอลที่ใช้ความรุนแรงมากขึ้น และเรียกร้องให้ประเทศสมาชิก EU ระงับความสัมพันธ์ทางการเมืองกับอิสราเอลด้วย เนื่องจากไม่มีความพยายามที่จะยุติความรุนแรงจากการทำสงครามครั้งนี้