ระบุเมื่อ 13 ส.ค.64 จะเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ให้กับพลเมืองเมียนมาที่มีบัตรประจำตัวประชาชนเป็นลำดับแรก และจะฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมียนมาทั้งหมดในลำดับต่อไป ทำให้ชาวโรฮีนจาที่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนยังไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับวัคซีนระยะแรก
ระบุเมื่อ 13 ส.ค.64 ว่า สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ (KDCA) ปรับลดอายุผู้มีคุณสมบัติเข้ารับวัคซีนของบริษัท AstraZeneca เป็น 30 ปีขึ้นไป จากเดิมที่กำหนดไว้ 50 ปีขึ้นไป หลังต้องทำลายวัคซีนที่หมดอายุ เนื่องจากประชาชนบางส่วนไม่เข้ารับวัคซีนตามนัดหมาย
ระบุเมื่อ 13 ส.ค.64 ฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ให้ประชาชนแล้วมากกว่า 777 ล้านคน หรือมากกว่าร้อยละ 50 ของประชากรทั้งหมด รวมวัคซีนที่ฉีดทั้งหมด 1,830 ล้านโดส ในจำนวนนี้เป็นการฉีดวัคซีนให้กับเยาวชนอายุระหว่าง 12-17 ปี มากกว่า 60 ล้านโดส
ระบุเมื่อ 13 ส.ค.64 ว่า องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ของบริษัท Pfizer และบริษัท Moderna เข็มที่ 3 เป็นกรณีฉุกเฉิน โดยเน้นฉีดให้กลุ่มเป้าหมายที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ และคาดว่า จะอนุมัติการใช้วัคซีนของทั้ง 2 บริษัทอย่างเป็นทางการ ใน ก.ย.64
ระบุเมื่อ 12 ส.ค.64 หารือกับญี่ปุ่นในการเตรียมความพร้อมร่วมจัดทำโครงการท่องเที่ยวเชิงเกษตรยุคหลัง COVID-19 เพื่อฟื้นฟูภาคการท่องที่ยวกัมพูชา ด้วยการส่งเสริมผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวเชิงเกษตรรูปแบบใหม่ เพิ่มพื้นที่สีเขียว (Green Belt) และเพิ่มคุณค่าในการท่องเที่ยว
ประกาศเมื่อ 12 ส.ค.64 จะเปิดพรมแดนในปี 2565 โดยผู้ที่เดินทางจากประเทศความเสี่ยงต่ำสามารถเดินทางเข้านิวซีแลนด์โดยไม่ต้องกักตัว ประเทศที่มีความเสี่ยงปานกลางจะต้องกักตัวเอง (Self-Isolation) หรือกักตัวในโรงแรม และประเทศที่มีความเสี่ยงสูงจะต้องเข้าระบบกักตัว 14 วัน
ประกาศเมื่อ 12 ส.ค.64 จะบริจาควัคซีนป้องกันโรค COVID-19 จำนวน 5.5 ล้านโดสให้ 15 ประเทศสมาชิกประชาคมและตลาดร่วมแคริบเบียน (CARICOM)
ระบุเมื่อ 12 ส.ค.64 คาดว่า จะฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ให้ประชาชนได้วันละ 2 ล้านคน หลังจากได้รับมอบวัคซีนเพิ่มเติมผ่านโครงการ COVAX โดยเวียดนามได้รับมอบวัคซีนแล้ว 19 ล้านโดส และฉีดให้ประชาชนแล้วมากกว่า 12 ล้านคน
ระบุเมื่อ 12 ส.ค.64 ว่า สำนักงานยาและเวชภัณฑ์ของสเปน (AEMPS) อนุมัติการทดลองทางคลินิก ระยะที่ 1 ของวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 PHH-1V ที่พัฒนาโดยบริษัท HIPRA ของสเปน ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าผลิต 400 ล้านโดส ในปี 2565 และ 1,200 ล้านโดส ในปี 2566 โดยคาดว่า จะเริ่มผลิตได้ ใน ต.ค.64
ระบุเมื่อ 12 ส.ค.64 ว่า ร่วมกับนักวิจัยใน 52 ประเทศ เตรียมทดสอบยาสำหรับรักษาผู้ป่วยโรค COVID-19 เพิ่มเติม 3 ชนิด ได้แก่ ยาอาร์ทีซูเนต (Artesunate) ที่ใช้รักษาโรคมาลาเรีย ยาอิมมาตินิบ (Imatinib) ที่ใช้รักษาโรคมะเร็ง และยาอินฟลิซิแมบ (Infliximab) ที่ใช้รักษาโรคความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน