The Intelligence Weekly Review 28/01/2024
The Intelligence Weekly Review นำเสนอความเคลื่อนไหวประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นรอบโลกในแต่ละภูมิภาคให้ท่านผู้ฟังรู้ทันเหตุการณ์ เห็นความสำคัญ และนำมุมมองของเราไปใช้ประโยชน์กันต่อไป
The Intelligence Weekly Review นำเสนอความเคลื่อนไหวประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นรอบโลกในแต่ละภูมิภาคให้ท่านผู้ฟังรู้ทันเหตุการณ์ เห็นความสำคัญ และนำมุมมองของเราไปใช้ประโยชน์กันต่อไป
การเริ่มต้นปีใหม่ในเดือนมกราคม 2567 ด้วยข่าวแผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น อุณหภูมิติดลบมาก ๆ ในหลายพื้นที่แถบเอเชียตะวันออก ต่อด้วยข่าวดินถล่มในโคลอมเบีย รวมทั้งอุทกภัยในหลายจังหวัดทางใต้ของไทย เป็นสิ่งย้ำเตือนชาวโลกอีกครั้งถึงความน่าหวาดหวั่นของภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยที่เกี่ยวเนื่องกับความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ โดยในช่วงกว่า 10 เดือนที่เหลือของปี 2567
ความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI)กำลังเปลี่ยนแปลงโลกในหลาย ๆ ด้าน โดยนอกจาก เปลี่ยนวิถีชีวิต เปลี่ยนการทำงาน หรือเปลี่ยนวิธีปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์แล้ว พัฒนาการของปัญญาประดิษฐ์ก็ยังส่งผลอย่างมากต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยเช่นกัน ในบทความนี้จะสำรวจผลกระทบของปัญญาประดิษฐ์ต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และผลที่จะตามมา ผลกระทบที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์ต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คือผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ปัญญาประดิษฐ์มีศักยภาพในการปฏิวัติวิธีที่ประเทศต่าง ๆ ใช้ป้องกันตนเองจากภัยคุกคาม ตัวอย่างเช่น ระบบเฝ้าระวังการก่อการร้ายที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ สามารถเฝ้าตรวจและแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ และทำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการได้ก่อนที่จะเกิดการโจมตี ปัญญาประดิษฐ์ยังสามารถช่วยตรวจจับการโจมตีทางไซเบอร์และป้องกันการโจมตีเหล่านั้น ซึ่งมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากประเทศต่าง ๆ ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น นอกจากนี้ ปัญญาประดิษฐ์ยังสามารถมีบทบาทด้านการทูตและการเจรจาต่อรอง ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลและระบุรูปแบบ จะช่วยนักการทูตและนักเจรจาต่อรองในการตัดสินใจได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ปัญญาประดิษฐ์สามารถช่วยระบุผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดของการเจรจา และช่วยเป็นแนวทางในการตัดสินใจ สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการเจรจาที่ซับซ้อนซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายฝ่ายและหลายประเด็น ….อีกทั้งปัญญาประดิษฐ์ยังอาจมีบทบาทสำคัญในความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ การพัฒนาระบบการซื้อขายที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ สามารถช่วยอำนวยความสะดวกในการค้าระหว่างประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ยังสามารถช่วยคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ทำให้ประเทศต่าง ๆ สามารถปรับนโยบายของตนให้สอดคล้องกันได้ ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนทางเศรษฐกิจและส่งเสริมความมั่นคงได้ ผลกระทบที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์ต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คือ……ผลกระทบต่อโลกาภิวัตน์ เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการข้ามพรมแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ปัญญาประดิษฐ์สามารถช่วยให้ซัพพลายเชนทำงานอัตโนมัติ ลดต้นทุนการผลิต และทำให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การเติบโตทางการค้าและเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม…
ท่ามกลางความกังวลว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence :AI) หุ่นยนต์ หรือระบบอัตโนมัติ จะเข้ามาแทนที่และแย่งงานจากแรงงานมนุษย์ ข่าวสารความต้องการ “คนเก่ง” ที่เป็นแรงงานทักษะสูงที่มีคุณภาพ เปี่ยมไปด้วยความสามารถ และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรือที่เรียกว่า Talent ของประเทศต่าง ๆ ก็ปรากฏให้เห็นเป็นระยะและดูจะเพิ่มขึ้นตามความต้องการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เห็นได้จากการประกาศมาตรการจูงใจ พร้อมกับสิทธิพิเศษต่าง ๆ เพื่อดึงดูดให้เหล่าคนเก่งเข้ามาทำงาน จนทำให้เกิดบรรยากาศการแข่งขันแย่งชิงแรงงานกลุ่มดังกล่าวระหว่างประเทศต่าง ๆ ทั้งโซนตะวันตกและเอเชีย เช่น ยุโรป แคนาดา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ รวมถึงไทย และมีแนวโน้มจะดุเดือดขึ้นจนอาจกลายเป็น war for talent โดยเฉพาะในสาขาที่ขาดแคลน อัตราการเกิดที่ลดลงในหลายประเทศจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเข้ามาเป็นทางเลือกและเริ่มจะกลายเป็นแรงงานหลักในบางวิชาชีพของเทคโนโลยีสมัยใหม่ตามกระแสเทคโนโลยีพลิกผัน ตลอดจนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือการนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในเชิงเศรษฐกิจ และเพิ่มความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิต ส่งผลให้ภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคมต้องพลิกและผันตัวเองให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยการดึง “คนเก่ง” ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติหรือคนในชาติที่ไปอยู่ต่างประเทศ เข้ามาร่วมขับเคลื่อน ฉวยและสร้างโอกาสใหม่…
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานเมื่อ 26 ม.ค.67 ว่า นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เยือนไทย ระหว่าง 26-29 ม.ค.67 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศในหลากหลายสาขา อาทิ การค้า การลงทุน ความมั่นคง วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว โดยมีกำหนดพบหารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี การเข้าร่วมประชุมกลไกหารือระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศไทย-จีน ครั้งที่ 1 และลงนามความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราระหว่างกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและ หนังสือเดินทางราชการ ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงว่า นายหวัง อี้ จะหารือกับนาย Jake Sullivan ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงสหรัฐฯ ที่จะเดินทางมาพบที่ไทย ระหว่าง 26-27 ม.ค.67 โดยระบุว่า เป็นการสานต่อคำมั่นที่ผู้นำของสองฝ่ายเห็นพ้องกันในการประชุมสุดยอดที่สหรัฐฯ เมื่อ พ.ย.66 ที่จะคงการสื่อสารและบริหารจัดการความสัมพันธ์ระหว่างกัน ทั้งนี้ ปรากฏรายงานข่าวสารว่า ประเด็นหารือหลักจะเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลแดงและประเด็นไต้หวัน เฉพาะอย่างยิ่งการเรียกร้องให้จีนดำเนินบทบาทเชิงสร้างสรรค์ ด้วยการใช้ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดเจรจากับอิหร่านให้ระงับการสนับสนุนด้านอาวุธแก่กลุ่มกบฏ Houthi เพื่อไม่ให้สถานการณ์ในทะเลแดงลุกลามบานปลาย ซึ่งจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจโลก เนื่องจากการค้าประมาณร้อยละ 15 ของโลกใช้เส้นทางขนส่งผ่านทะเลแดง อาทิ…
หนังสือพิมพ์ Khmer Times รายงานเมื่อ 25 ม.ค.67 ว่า นายซอ ซกคา รองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีมหาดไทย(มท.)กัมพูชา และ พล.อ.โต เลิม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะเวียดนาม (MPS) ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยแผนความร่วมมือระหว่าง มท.กัมพูชากับ MPS ในปี 2567 ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ อาทิ ยาเสพติด การหลอกลวงทางออนไลน์ และการค้ามนุษย์ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องการส่งเสริมความร่วมมือการแลกเปลี่ยนข่าวสารและการเยือนของเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมทั้งแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคและระดับโลก ทาง MPS ระบุด้วยว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะเพิ่มความร่วมมือในการป้องกันการบ่อนทำลายและสร้างความแตกแยกของ ฝ่ายตรงข้ามทั้งในกัมพูชาและเวียดนาม ทั้งนี้ พล.อ.โต เลิม เดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการระหว่าง 22-24 ม.ค.67 ตามคำเชิญของนายซอ ซกคา
เว็บไซต์ The Economic Times รายงานเมื่อ 25 ม.ค.67 อ้างถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดิ ของอินเดีย ต่อที่ประชุม Nav Matdata Sammelan เนื่องในวันผู้มีสิทธิเลือกตั้งแห่งชาติ (National Voters Day) ว่า เยาวชนอินเดีย (อายุระหว่าง 18-25 ปี) ที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งแรกในการเลือกตั้งทั่วไปของอินเดีย (ในห้วง เม.ย.-พ.ค.67) มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และเป็นกำลังสำคัญของการพัฒนาอินเดียให้บรรลุเป้าหมายการเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2590 โอกาสนี้นายโมดิยังย้ำถึงความสำคัญในการใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งมีนัยต่อการกำหนดอนาคตของอินเดีย โดยให้ข้อสังเกตว่า รัฐบาลที่ครองเสียงข้างมากจะสามารถผลักดันนโยบายพัฒนาประเทศได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งเชิญชวนให้เยาวชนมีส่วนร่วมเสนอความคิดเห็นสำหรับการพัฒนาอินเดียให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และโดดเด่นในเวทีประชาคมระหว่างประเทศ
สำนักข่าว Tass ของรัสเซีย รายงานเมื่อ 26 ม.ค.67 อ้างการอภิปรายของนาย Vladimir Polyansky รองผู้แทนคนที่ 1 ของรัสเซียประจำสหประชาชาติ ในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่งคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council – UNSC) ว่า ผู้นำยูเครนได้รับทราบถึงเส้นทางและวิธีการขนส่งเชลยสงครามไปยังสถานที่ที่ตกลงกันไว้มาก่อน แต่ปรากฏยูเครนยังโจมตีเครื่องบิน Il-76 ของรัสเซียลำดังกล่าวตก บ่งชี้ให้เห็นว่ายูเครนมีเจตนาก่ออาชญากรรม และด้วยเหตุผลบางประการที่ไม่สามารถอธิบายได้ ยูเครนตั้งใจขัดขวางการแลกเปลี่ยนเชลยสงครามระหว่างสองฝ่าย ด้วยวิธีป่าเถื่อนที่สุด ทั้งนี้ เมื่อ 24 ม.ค.67 เครื่องบิน Il-76 ของรัสเซียตกที่แคว้นเบลโกรอด เป็นเหตุให้เชลยสงครามชาวยูเครนเสียชีวิต 65 คน โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียประณามว่าเป็นการก่อการร้าย
กระทรวงการต่างประเทศ(กต.)ไต้หวัน แถลงเมื่อ 24 ม.ค.67 แสดงความเสียใจกรณีนาอูรูลงนามในแถลงการณ์ร่วมกับจีนเพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน และแสดงความผิดหวังที่นาอูรูยอมจำนนให้กับสิ่งจูงใจทางเศรษฐกิจโดยเพิกเฉยต่อความช่วยเหลือด้านการพัฒนาและมิตรภาพที่ไต้หวันมอบให้ ขณะเดียวกัน ได้ประณามจีนต่อความพยายามบ่อนทำลายอธิปไตยและจำกัดพื้นที่ทางการทูตของไต้หวัน แต่เน้นย้ำว่าแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวไม่ได้เปลี่ยนแปลงสถานะอธิปไตยของไต้หวัน ทั้งนี้ กต.ไต้หวันเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศทำงานร่วมกัน เพื่อต่อต้านการกระทำของจีนที่มุ่งเปลี่ยนสถานภาพที่เป็นอยู่ (status quo) ในช่องแคบไต้หวัน รวมถึงขอให้ทุกประเทศสนับสนุนไต้หวันต่อไป และร่วมกันปกป้องสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ก่อนหน้านี้ นาอูรูตัดสินใจตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันเมื่อ 15 ม.ค.67 ทำให้ปัจจุบันเหลือเพียง 12 ประเทศที่มีความสัมพันธ์กับไต้หวัน ได้แก่ เบลีซ เฮติ เซนต์คิตส์และเนวิส เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ กัวเตมาลา ปารากวัย เซนต์ลูเซีย เอสวาตินี นครรัฐวาติกัน ปาเลา ตูวาลู และหมู่เกาะมาร์แชลล์
สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้ รายงานเมื่อ 24 ม.ค.67 ว่า ในวันเดียวกัน คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (Joint Chiefs of Staff-JCS) ตรวจจับเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธร่อน (Cruise Missile) หลายลูกมุ่งหน้าไปยังทะเลเหลือง ทางตะวันตกของเกาหลีเหนือ เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเวลา 05.00 น.ของไทย) โดยกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้และสหรัฐฯ อยู่ระหว่างวิเคราะห์รายละเอียดการยิงขีปนาวุธครั้งนี้ รวมถึงเพิ่มการติดตามและเฝ้าระวังการยั่วยุเพิ่มเติมจากเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ สำนักข่าวยอนฮับอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า ขีปนาวุธดังกล่าวเคลื่อนที่เป็นวงกลมในน้ำ ลักษณะคล้ายขีปนาวุธร่อนที่บินในระดับต่ำกว่าการเคลื่อนที่ของขีปนาวุธนำวิถี (Ballistic Missile) คาดการณ์ว่า ขีปนาวุธร่อนถูกยิงจากพื้น ซึ่งอาจเป็นรุ่น Hwasal-1 หรือ Hwasal-2 สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์รุ่น Hwasan-31