ประชาชนยังคงออกมาร้องเรียนบนโซเชียลมีเดียถึงปัญหาการถูกแก๊งมิจฉาชีพ/คอลเซ็นเตอร์ล่อลวงให้ทำธุรกรรมทางการเงินบนออนไลน์ อาทิ การโทรมาหลอกว่ายังไม่ได้ชำระภาษี หลองลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันเพื่ออัปเดตข้อมูลธุรกรรมกับรัฐ รวมทั้งให้ความสนใจต่อกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กหลายรายเปิดเผยข้อมูลในทำนองว่าถูกดูดเงินจากบัญชีโดยอัตโนมัติ จนรู้สึกไม่มั่นใจความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ตด้วยเช่นกัน
ขณะที่ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีได้แสดงว่าปัจจุบันสถานการณ์การโจรกรรมเงินบนออนไลน์รุนแรงและมีการพัฒนาจนซับซ้อนมากขึ้น โดยมิจฉาชีพมุ่งเป้าให้เหยื่อติดตั้งแอปที่ไม่ได้รับรอง เพื่อดักจับข้อมูลเหยื่อและนำไปทำธุรกรรม ซึ่งสถานการณ์ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นกับไทย แต่ยังเกิดขึ้นกับอีกหลายประเทศ อาทิ สิงคโปร์ ที่มีรายงานคดีถูกดูดเงินจากแอปพลิเคชันประเภท malware scam กว่า 1,899 คดี ความเสียหายกว่า 910 ล้านบาท