ข่าวสารเศรษฐกิจเรื่องปัญหาสินค้าจีนทะลักตีตลาดในไทยนั้น ยังปรากฏและเป็นที่สนใจของสังคมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเป็นในลักษณะการแสดงท่าทีกังวลถึงผลกระทบในเรื่องผู้ประกอบการไทยไม่สามารถแข่งขันด้วยได้ และทยอยปิดกิจการเป็นจำนวนมาก ขณะที่สินค้าจีนยังคงรุกตลาดไทยทั้งออนไลน์และออนไซต์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุด “Temu” แพลตฟอร์มซื้อ/ขายสินค้าออนไลน์ของ PDD Holding บริษัทสัญชาติจีน ได้เข้ามาเปิดให้บริการในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อ 29 ก.ค. 67 (ไทยเป็นประเทศลำดับ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อจากมาเลเซีย และฟิลิปปินส์) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าจีนยอดนิยมในปัจจุบันที่สามารถขยายตัวเปิดให้บริการแล้วกว่า 50 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐฯ ออสเตรเลีย ประเทศยุโรป และสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งที่ครองตลาดในประเทศนั้น ๆ อยู่เดิมได้ (ในสหรัฐฯ สามารถครองสัดส่วนตลาดได้ถึงร้อยละ 42.1) โดยปัจจัยที่ทำให้ Temu มีความโดดเด่น มีอาทิ สินค้าขายในราคาถูกมาก มีบริการหลังการขาย และไม่เสียค่าจัดส่ง
อย่างไรก็ตาม กลุ่มสื่อมวลชน กลุ่มนักวิชาการ และกลุ่มผู้ประกอบการไทย เห็นตรงกันว่า การเข้ามาของ Temu จะยิ่งซ้ำเติม SMEs ไทย และจะยิ่งทำให้สินค้าจีนทะลัก และสามารถเข้ามาครองตลาดในไทยได้เบ็ดเสร็จภายในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน พร้อมได้เรียกร้องถึงภาครัฐให้เร่งสร้างระบบการแข่งขันทางธุรกิจที่เป็นธรรมเพื่อให้ SMEs ไทยสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ พบด้วยว่า กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ อาทิ Kaspersky WithSecure และ Oversecured เคยออกมาเตือนเกี่ยวกับการใช้แพลตฟอร์ม Temu เพราะอาจมีการติดตั้งมัลแวร์ที่ไม่ปลอดภัย หรือมีฟังก์ชันเพื่อการเข้าถึงหรือทำให้มีการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานของเจ้าของแพลตฟอร์ม Temu ได้