สื่อมวลชนส่วนมากประเมินว่า กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบันและผู้แทนพรรคเดโมแครตลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปลายปีนี้ ชนะการตีเบต หรือการแสดงวิสัยทัศน์แข่งกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้แทนพรรครีพับลิกัน เมื่อ 10 กันยายน 2567 โดยเป็นการดีเบตครั้งแรกระหว่างทั้ง 2 คน ที่สำนักข่าว ABC News เป็นเจ้าภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองและผลสำรวจความเห็นของชาวอเมริกันส่วนมากบ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า แฮร์ริสชนะในการดีเบตครั้งนี้
แม้กระทั่ง สนข.Fox News ที่เป็นสื่อฝ่ายอนุรักษ์นิยม ก็ยังให้นางแฮร์ริสมีผลงานที่ดีกว่า เนื่องจากมีข้อมูลมาโต้แย้งคำกล่าวอ้างของทรัมป์ได้ วางแผนการตอบโต้มาอย่างดี ประสบความสำเร็จในการโจมตีจุดอ่อนของทรัมป์ ขณะที่บางส่วนประเมินว่าทรัมป์พลาดเองในการดีเบตครั้งนี้ และแฮร์ริสเองก็พลาดที่จะแถลงเกี่ยวกับนโยบาย เพราะไปเน้นโจมตีทรัมป์ จนทำให้การดีเบตครั้งนี้ไม่น่าสนใจและไม่มีคุณค่าพอที่จะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของชาวอเมริกันที่จะต้องเลือกผู้นำรัฐบาล
ความนิยมของแฮร์ริสเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากการดีเบต และชนะทรัมป์อยู่ที่ร้อยละ 47 ต่อ 44 สื่อรายงานว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเทเลอร์ สวิฟต์ นักร้องและนักแสดงชื่อดังของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อ 11 กันยายน 2567 สนับสนุนแฮร์ริสและ running mate ด้วย รวมทั้งชวนให้ชาวอเมริกันให้ความสำคัญกับการติดตามข่าวสารการเลือกตั้ง ระมัดระวังข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือนที่อาจมาจากปัญญาประดิษฐ์ สำหรับอิทธิพลของผู้มีชื่อเสียงหรือนักแสดงที่มีผู้ติดตามจำนวนมากในสหรัฐฯ อาจจะไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง แต่นักวิจัยทางการเมืองเชื่อว่า ความคิดเห็นของผู้มีชื่อเสียง ศิลปิน หรือนักแสดง อาจมีผลต่อการตัดสินใจของกลุ่มคนที่ไม่ได้ตัดสินใจล่วงหน้า หรือมีสิทธิลงคะแนนโหวตในการเลือกตั้งเป็นครั้งแรก ๆ
ผลการดีเบตครั้งนี้ทำให้นักลงทุนเปลี่ยนแปลงทิศทางความเชื่อมั่นในการลงทุนบางธุรกิจและอุตสาหกรรมที่สนับสนุนทรัมป์ ปัจจุบันนักลงทุนติดตามบรรยากาศการเลือกตั้งสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพราะนโยบายต่าง ๆ จะมีผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดหลักทรัพย์ การลงทุนและมาตรการภาษี
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งสหรัฐฯ เตรียมพร้อมกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้การเลือกตั้งราบรื่นและปราศจากภัยคุกคาม โดยนอกจากเตรียมรับมือและป้องกันภัยคุกคามจากภายนอก สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการทำงานของไปรษณีย์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญอย่างมากในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะจะต้องส่งบัตรเลือกตั้งจำนวนมากในระยะเวลาจำกัด และมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น หลายหน่วยงานรวมตัวกันเรียกร้องให้ไปรษณีย์สหรัฐฯ เตรียมการให้พร้อมและพัฒนารูปแบบการทำงานให้ปลอดภัย และตรงตามมารฐาน เพื่อไม่ให้บัตรเลือกตั้งตกหล่นหรือการนับคะแนนล่าช้า คาดว่า การเลือกตั้งในปี 2567 จะมีผู้ใช้สิทธิลงคะแนนทางไปรษณีย์มากขึ้น