กรณีว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมจะขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศร้อยละ 10-20 เพื่อปกป้องเศรษฐกิจในประเทศและผู้ประกอบการชาวอเมริกัน ควบคู่กับดึงดูดการลงทุนกลับประเทศ ทำให้ค่าเงินเอเชียผันผวนอย่างมาก โดยมีรายงานเมื่อ 3 ธ.ค.67 ว่า การประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน กลุ่ม BRICS และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ค่าเงินหยวนของจีน รูปีของอินเดีย ริงกิตของมาเลเซีย รวมทั้งบาทของไทย ตกลงเล็กน้อย เนื่องจากวิตกกับนโยบายของสหรัฐฯ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย สะท้อนว่าสัญญาณนโยบายการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่มีผลต่อบรรยากาศเศรษฐกิจและการเงินของเอเชีย ด้านรัสเซียให้ความเห็นว่า ท่าทีของว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ เป็นความพยายามที่จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้น หลังจากที่อ่อนแอมานาน และกำลังเผชิญการท้าทายจากกลุ่ม BRICS ที่จะมีความร่วมมือด้านการเงินแข็งแกร่งขึ้น
ประธานาธิบดีทรัมป์มีแนวโน้มจะใช้นโยบายขึ้นอัตราภาษีเป็นเครื่องมือต่อรองผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและการค้ากับต่างประเทศ แต่สิ่งที่น่ากังวลจากนโยบายนี้ คือ อาจเน้นใช้เป็นเครื่องมือต่อรองในเวทีระหว่างประเทศในระยะยาว เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับสหรัฐฯ และลดการขาดดุลการค้า ซึ่งจะทำให้การเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างประเทศเป็นไปอย่างยากลำบากมากขึ้น ทั้งนี้ การเสนอชื่อ Howard Lutnick นักการเงินเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ Jamieson Greer นักกฎหมายเป็นผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ที่สนับสนุนการใช้อัตราภาษีสร้างรายได้ให้กับประเทศในรัฐบาลทรัมป์ 2.0 บ่งชี้การจะดำเนินนโยบายภาษีอย่างเข้มงวดเช่นกัน
การประกาศขึ้นอัตราภาษีของว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยังส่งผลให้ชาวอเมริกันจับจ่ายใช้สอยในห้วงเทศกาล Black Friday มากขึ้น เนื่องจากชาวอเมริกันวิตกว่าราคาสินค้าทั่วไปจะเพิ่มสูงขึ้นหลังจากรัฐบาลชุดใหม่เข้ารับตำแหน่ง โดยสินค้าที่ลดราคาในช่วง Black Friday ขายดี ทั้งเครื่องนุ่งห่ม ชองใช้ในครัวเรือน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะเดินทางไปฝรั่งเศส เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดมหาวิหารนอร์ทเทอร์ดาม ที่ซ่อมแซมเสร็จสิ้นแล้ว โดยจะเป็นการเดินทางไปต่างประเทศในฐานะตัวแทนสหรัฐฯ ครั้งแรกหลังจากชนะการเลือกตั้งเมื่อ พ.ย.67 คาดว่าว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ จะปรับปรุงความสัมพันธ์กับผู้นำฝรั่งเศส เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันต่อไป โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการสนับสนุนเนโต และอาจมีประเด็นหารือเรื่องยูเครนที่ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการให้ยุติการขัดแย้งกับรัสเซีย