นรม.เบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลเมื่อ 17 ม.ค.68 ประกาศว่าอิสราเอลตอบรับข้อตกลงปล่อยตัวประกันที่อยู่ในฉนวนกาซาบางส่วน แลกกับการปล่อยตัวชาวปาเลสไตน์ที่อยู่ในการควบคุมของอิสราเอล โดยคณะรัฐมนตรีอิสราเอลจะลงมติรับรองข้อตกลงดังกล่าวในวันเดียวกัน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ใน 19 ม.ค.68 เพื่อพาตัวประกันทั้งหมดกลับมา ไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตแล้วก็ตาม ทั้งนี้ ท่าทีของ นรม.เนทันยาฮูมีขึ้นหลังจากที่นานาชาติกังวลว่าอิสราเอลจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่เป็นผลจากการเจรจาร่วมกับกาตาร์ อียิปต์ และสหรัฐฯ เนื่องจาก อิสราเอลเลื่อนกำหนดการรับรองข้อตกลงดังกล่าว เพราะกลุ่มฮะมาสเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายชื่อชาวปาเลสไตน์ทีต้องการให้อิสราเอลปล่อยตัว และเงื่อนไขบางส่วน ทำให้อิสราเอลไม่ยอมรับ
ท่าทีของ นรม.เนทันยาฮูมีขึ้นท่ามกลางความคาดหวังของนานาชาติที่ต้องการให้คู่ขัดแย้งหยุดยิงชั่วคราว เพื่อลดระดับความตึงเครียดในพื้นที่ และช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ที่เผชิญวิกฤตด้านมนุษยธรรม แต่อิสราเอลยังไม่หยุดการโจมตีในฉนวนกาซา โดยเมื่อ 16 ม.ค.67 มีรายงานว่าอิสราเอลโจมตีที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายในฉนวนกาซา สื่อคาดการณ์ว่ากองทัพอิสราเอลจะปฏิบัติการโจมตีต่อเนื่อง จนกว่าข้อตกลงแลกเปลี่ยนตัวประกันจะมีผลยังคับใช้ และกองทัพอิสราเอลจะเตรียมความพร้อมโจมตีตลอดเวลา เพื่อให้มั่นใจว่าสมาชิกกลุ่มฮะมาสและกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ จะไม่แสวงประโยชน์จากช่วงเวลานี้
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อตกลงครั้งนี้แบ่งเป็น 3 ระยะ ระยะแรกใช้เวลา 42 วันที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะแลกเปลี่ยนตัวประกันและนักโทษ กลุ่มฮะมาสจะปล่อยตัวประกันจำนวน 33 คน จากจำนวนทั้งหมด 94 คน (ผู้ชาย 81 คน และผู้หญิง 13 คน) อิสราเอลจะปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ 100 คน ยกเว้นนักโทษที่เกี่ยวข้องกับการสังหารชาวอิสราเอล นอกจากนี้ ชาวปาเลสไตน์จะได้รับโอกาสเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาในพื้นที่ตอนเหนือของฉนวนกาซา ขณะที่กองทัพอิสราเอลจะทยอยถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ตอนกลาง แต่จะยังอยู่ใน Philadelphi Corridor หรือพรมแดนเชื่อมระหว่างฉนวนกาซา-อียิปต์ และพื้นที่กันชนระหว่างอิสราเอลกับฉนวนกาซา ส่วนในระยะที่ 2 และ 3 ที่เป็นขั้นตอนสู่การยุติสงคราม คู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่เห็นชอบในรายละเอียด แต่จะเริ่มเจรจาขั้นตอนระยะที่ 2 ในวันที่ 16 หรือประมาณกลาง ก.พ.68
หลายฝ่ายเชื่อว่าอิสราเอลจะโจมตีฉนวนกาซาอีกครั้ง เมื่อสิ้นสุดระยะเวลา 42 วันตามข้อตกลงระยะแรก เนื่องจากนักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมขวาจัดที่สนับสนุน นรม.เนทันยาฮู ต้องการให้รัฐบาลปราบปรามกลุ่มฮะมาสอย่างแข็งกร้าว และมุ่งมั่นใช้ปฏิบัติการทางทหารเพื่อให้ได้รับชัยชนะในสงครามครั้งนี้ต่อไป นรม.เนทันยาฮูกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างมาก เพราะนักการเมืองกลุ่มดังกล่าว โดยเฉพาะนาย Itamar Ben Gvir รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ และนาย Bezalel Smotrich รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เริ่มขู่จะไม่สนับสนุนรัฐบาล หากยุติสงคราม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองและตำแหน่งผู้นำอิสราเอลอย่างมาก เพราะการถอนตัวของพรรคการเมืองที่สนับสนุน นรม.เนทันยาฮูในปัจจุบันจะทำให้รัฐบาลล่ม