ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งผู้บริหาร (executive order) เมื่อ 9 ก.พ.68 ระงับความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจแก่แอฟริกาใต้ เพื่อลงโทษแอฟริกาใต้ 3 เรื่อง ได้แก่ การฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) และกล่าวหาอิสราเอลว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอิหร่าน และออกฎหมายบริหารจัดการที่ดินในประเทศแบบใหม่ เมื่อ 25 มค..68 ที่ไม่เป็นธรรมต่อประชาชน โดยเฉพาะการเลือกปฏิบัติต่อคนผิวขาว เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวอนุญาตให้รัฐบาลแอฟริกาใต้ยึดคืนที่ดินได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย หากการยึดคืนที่ดินนั้นเป็นผลประโยชน์ต่อชาติและสาธารณะ เพื่อให้เอื้อต่อการปฏิรูปประเทศ
รัฐบาลแอฟริกาใต้พยายามผลักดันกฎหมายดังกล่าวมากว่า 5 ปี แต่เผชิญการคัดค้านจากในประเทศค่อนข้างมาก เนื่องจากกฎหมายนี้อาจทำให้ที่ดินส่วนบุคคลถูกยึดไปโดยง่าย ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 30 ปีหลังการสิ้นสุดการแบ่งแยกสีผิวในแอฟริกาใต้ หรือการสิ้นสุดนโยบาย Apartheid ที่ดินส่วนใหญ่ในแอฟริกาใต้มีคนผิวขาวเป็นเจ้าของ หรือคิดเป็นประมาณ 3 ใน 4 ของดินแดนทั้งหมด ทำให้มีกระแสเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิรูปที่ดินในประเทศ เพื่อให้ชาวแอฟริกันผิวสีที่เป็นประชากรกว่าร้อยละ 80 มีสิทธิใช้ประโยชน์ที่ดินมากขึ้น
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวหารัฐบาลแอฟริกาว่าพยายามยึดดินแดนและสร้างความขัดแย้งระหว่างประชาชน พร้อมกันนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่ส่ง รมว.กต.สหรัฐฯ เข้าร่วมการประชุม G20 ระดับ รมว.กต.ที่จะจัดขึ้นในเมือง Johannesburg ของแอฟริกาใต้ ในห้วงปลาย ก.พ.68 ด้วย โดยนายมาร์โค รูบิโอ รมว.กต.สหรัฐฯ ให้ความเห็นว่าจะไม่สนับสนุนประเทศที่มีแนวคิดต่อต้านอเมริกา ด้านรัฐบาลแอฟริกาให้ความเห็นว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ไม่เข้าใจประวัติศาสตร์แอฟริกาใต้ และดำเนินนโยบายตามข้อมูลที่บิดเบือน (misinformation) และโฆษณาชวนเชื่อที่ทำลายความมั่นคงของแอฟริกาใต้ ขณะที่กฎหมายใหม่นั้นมีขึ้นเพื่อจัดสรรให้ประชาชนมีสิทธิเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากดินแดนได้อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
คำสั่งดังกล่าวจะทำให้หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องระงับความช่วยเหลือแก่แอฟริกาใต้ จนกว่าจะสืบสวนได้ว่ากฎหมายของแอฟริกาใต้จะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน สำหรับนโยบายของสหรัฐฯ ต่อแอฟริกาใต้ครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายของแอฟริกาใต้ในการเป็นประธานกลุ่ม G20 และการส่งต่อหน้าที่ประธาน G20 ให้สหรัฐฯ ในปี 2569 นอกจากนี้ สื่อตั้งข้อสังเกตว่า ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังกดดันแอฟริกาใต้ให้ลดความร่วมมือกับอิหร่านและจีน หลังจากที่แอฟริกาใต้เพิ่มความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทั้งอิหร่านและจีนอย่างมาก ผ่านการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูง การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน และเมื่อ 3 ก.พ.68 แอฟริกาใต้สั่งให้ไต้หวันย้ายสำนักงานผู้แทนของไต้หวันออกจากเมือง Pretoria เมืองหลวงของแอฟริกาใต้ภายใน มี.ค.68 รวมทั้งลดระดับสถานภาพสำนักงานผู้แทนของไต้หวันในแอฟริกาใต้ให้เป็นสำนักงานการค้า