ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อ 24 ก.พ.68 ระบุว่าได้พบหารือกับประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ที่ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ วอชิงตัน ดี.ซี. ประเด็นสำคัญคือการสร้างสันติภาพในยูเครน และความมั่นคงของยุโรป โดยประธานาธิบดีทรัมป์ย้ำว่าสหรัฐฯ ต้องการยุติสงครามและความรุนแรงในยูเครนด้วยการทำข้อตกลง และเชื่อมั่นว่าฝ่ายรัสเซียพร้อมจะทำข้อตกลงเพื่อยุติสงครามด้วย อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวจะต้องครอบคลุมการที่ยูเครนจะอนุญาตให้สหรัฐฯ เข้าไปสำรวจแร่ธรรมชาติที่มีความสำคัญของยูเครนได้ ซึ่งประเด็นนี้ผู้นำสหรัฐฯ คาดหวังว่ายูเครนจะร่วมมือกับสหรัฐฯ และลงนามในข้อตกลงได้ภายในสัปดาห์หน้า
ด้านประธานาธิบดีอิมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสเตือนสหรัฐฯ เรื่องไว้วางใจรัสเซียมากเกินไป และขอให้สหรัฐฯ ตรวจสอบท่าทีของรัสเซียอย่างใกล้ชิด พร้อมกับยืนยันว่า ฝรั่งเศสและประเทศยุโรปพร้อมมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในยูเครน โดยต้องมีสหรัฐฯ สนับสนุนในฐานะผู้ค้ำประกันความมั่นคงของโลก
ประธานาธิบดี Volodymyr Zelenskyy ของยูเครนยอมรับเมื่อ 25 ก.พ.68 ว่าสหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน แม้ก่อนหน้านี้จะคัดค้านผู้นำสหรัฐฯ ที่เจรจากับรัสเซียโดยไม่มีผู้แทนของยูเครนเข้าร่วม นอกจากนี้ ประธานาธิบดี Zelenskyy ยังมีท่าทีเชิงบวกต่อความร่วมมือด้านการสำรวจแร่ธรรมชาติกับสหรัฐฯ โดยระบุว่าทีมงานด้านเศรษฐกิจของยูเครนพร้อมหารือในรายละเอียดกับฝ่ายสหรัฐฯ ต่อไป
การยุติสงครามและสร้างสันติภาพในยูเครนยังไม่แน่นอน แม้ว่าผู้นำสหรัฐฯ จะพยายามแสดงบทบาทนำและเจรจากับรัสเซีย แต่การเปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายของสหรัฐฯ ต่อสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนทำให้นานาชาติยังห่วงกังวลว่าสหรัฐฯ จะดำเนินนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อรัสเซียฝ่ายเดียว ล่าสุดเมื่อ 24 ก.พ.68 สหรัฐฯ ก็ลงมติคัดค้านกรณีที่ประชุมสหประชาชาติจะออกมติประณามรัสเซีย ซึ่งเป็นท่าทีที่สร้างความประหลาดใจให้ยูเครนและยุโรป เนื่องจากที่ผ่านมา สหรัฐฯ จะลงมติประณามรัสเซียกรณีปฏิบัติการทางทหารในยูเครนมาตลอด นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังเสนอมติในที่ประชุมสหประชาชาติที่เรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันส่งเสริมสันติภาพ โดยหลีกเลี่ยงการใช้ข้อความที่มีนัยโจมตีรัสเซียในมติดังกล่าว
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีรัสเซียให้ความเห็นเมื่อ 25 ก.พ.68 ว่า ยังไม่มีการกำหนดแนวทางหรือขั้นตอนที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจง การหารือที่ผ่านมาเป็นเพียงการเริ่มต้นสร้างความเข้าใจกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งต่อจากนี้ รัสเซียยินดีที่จะให้ผู้แทนจากยุโรปเข้าร่วมด้วย ท่าทีดังกล่าวประกอบกับการปฏิบัติการพิเศษทางทหารที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในยูเครน สะท้อนว่าสถานการณ์สู้รบและความรุนแรงจะยังมีอยู่ต่อไป โดยสงครามนี้ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปี