ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พบหารือกับประธานาธิบดี Volodymyr Zelensky ที่ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อ 28 ก.พ.68 บรรยากาศไม่ราบรื่น โดยประธานาธิบดีทรัมป์และรองประธานาธิบดี JD Vance ของสหรัฐฯ ไม่พอใจท่าทีของผู้นำยูเครนที่ระบุว่าไม่ไว้วางใจผู้นำรัสเซีย จุดเริ่มต้นของบรรยากาศตึงเครียดเกิดขึ้นหลังจากรองประธานาธิบดี Vance กล่าวถึงการใช้การทูตแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ทำให้ผู้นำยูเครนต้องชี้แจงที่มาของความขัดแย้งครั้งนี้ โดยระบุว่าหลายปีก่อนจะมีสงคราม รัสเซียได้พยายามผนวกดินแดนของยูเครนตั้งแต่ปี 2557 โดยที่ไม่มีประเทศใดคัดค้าน และแม้ว่ายูเครนจะลงนามในสนธิสัญญาหยุดยิงกับรัสเซียแล้ว แต่รัสเซียก็ยังปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครนอีก จึงไม่เห็นด้วยว่า “การทูต” จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ จากนั้นเกิดการโต้เถียงระหว่างผู้นำยูเครนกับรองประธานาธิบดี Vance ที่ยกปัญหากำลังพลของยูเครนมากดดันให้ผู้นำยูเครนยอมรับว่าต้องพึ่งพาสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ แสดงท่าทีไม่พอใจอย่างมาก เมื่อประธานาธิบดียูเครนแสดงความเห็นที่มีนัยว่า สหรัฐฯ โชคดีที่ไม่ได้เผชิญสงคราม และหากเชื่อรัสเซียจะทำให้ต้องเจอกับภัยคุกคาม นอกจากนี้ ยังระบุว่ายูเครนโดดเดี่ยวมาโดยตลอด หลังจากนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ตอบโต้ผู้นำยูเครนว่ากำลังทำให้โลกเสี่ยงเผชิญสงครามโลกครั้งที่ 3 และสหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือยูเครนมาโดยตลอด ถ้าไม่มีสหรัฐฯ สงครามนี้อาจจบไปแล้วด้วยการที่ยูเครนพ่ายแพ้ภายใน 2 สัปดาห์ ด้านรองประธานาธิบดี Vance เตือนผู้นำยูเครนว่าควรจะแสดงความเคารพและขอบคุณสหรัฐฯ ที่ให้การสนับสนุนยูเครนมาโดยตลอด 3 ปี และไม่ควรจะแสดงจุดยืนทางการเมืองสนับสนุนพรรคเดโมแครตมากจนส่งผลกระทบต่อบรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
บรรยากาศการสนทนาตึงเครียดทั้งที่มีสื่อมวลชนถ่ายภาพบรรยากาศการหารือในทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ สื่อรายงานว่าทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ เชิญให้ผู้นำยูเครนเดินทางออกจากทำเนียบก่อนกำหนดการ โดยไม่มีการแถลงการณ์ร่วมกับผู้นำสหรัฐฯ และไม่มีการลงนามในข้อตกลงแบ่งผลประโยชน์จากอุตสาหกรรมแร่ธรรมชาติระหว่างกัน
ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงความเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ส่วนตัวว่า ผู้นำยูเครนยังไม่พร้อมกับการเจรจาสันติภาพ อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ พร้อมจะพูดคุยกับยูเครนอีกครั้ง ประเทศในยุโรปกลับไม่พอใจท่าทีของสหรัฐฯ และประกาศว่าจะสนับสนุนผู้นำยูเครนต่อไป พร้อมวิจารณ์ว่าสหรัฐฯ เปลี่ยนแปลงนโยบายและไม่เป็นผู้นำของโลกตะวันตกอีกต่อไป ชาวยูเครนก็ยังคงสนับสนุนประธานาธิบดี Zelensky เพราะแม้ว่าการสนทนาจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ แต่ชาวยูเครนเข้าใจว่าประธานาธิบดียูเครนกังวลกับสถานการณ์และความปลอดภัยของชาวยูเครน นอกจากนี้ ชาวยูเครนมีมุมมองว่าผู้นำสหรัฐฯ และรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงท่าทีไม่เหมาะสม ตลอดจนนำประเด็นการเมืองภายในประเทศของสหรัฐฯ มาทำลายบรรยากาศการสนทนาครั้งสำคัญ