ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อ 15 มีนาคม 2568 ลงนามในคำสั่งผู้บริหารให้สื่อมวลชนที่รัฐบาลให้การสนับสนุนพิจารณาปรับลดจำนวนเจ้าหน้าที่และพนักงาน เพื่อลดค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นความเคลื่อนไหวทันทีหลังจากฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ มีมติ 54 ต่อ 46 เสียงผ่านร่างงบประมาณระยะเวลา 6 เดือน ก่อนที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะเผชิญภาวะ Government Shutdown สำหรับสื่อมวลชนสหรัฐฯ ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและจะได้รับผลกระทบจากคำสั่งครั้งนี้ ได้แก่ สื่อที่อยู่ในกลุ่ม U.S. Agency for Global Media (USAGM) เช่น สนข.Voice of America หรือ VOA และ Radio Free Europe รวมทั้ง Radio Free Asia ตลอดจน Radio Marti ที่เผยแพร่สื่อในประเทศคิวบา ในภาษาสเปนด้วย
สนข.VOA ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว โดยมีมุมมองว่าเป็นการบ่อนทำลายการทำงานของสื่อมวลชนที่ทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อเผยแพร่ค่านิยมเสรีภาพและประชาธิปไตยทั่วโลกมายาวนานกว่า 83 ปี ด้วยการนำเสนอเรื่องราวประชาธิปไตยในสหรัฐฯ และรายงานข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในเกือบ 50 ภาษา นอกจากนี้ มาตรการของผู้นำสหรัฐฯ ยังทำให้สื่อมวลชนจำนวนมากกว่า 1,300 คน ต้องถูกพักงาน ด้านองค์กรปกป้องสิทธิสื่อมวลชนระหว่างประเทศ หรือ Reporters Without Borders ประณามคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ พร้อมกับกังวลว่าคำสั่งนี้จะส่งผลกระทบต่อการเสริมสร้างค่านิยมเสรีภาพสื่อมวลชน จึงเรียกร้องให้สหรัฐฯ ทบทวนคำสั่งที่มีผลต่อ สนข.VOA และให้ฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ แก้ไขปัญหานี้
ปัจจุบันคำสั่งดังกล่าวทำให้นาง Kari Lake ผู้บริหาร สนข.VOA และที่ปรึกษาพิเศษของ U.S. Agency for Global Media ประกาศยกเลิกข้อตกลงความร่วมมือกับ สนข.อื่น ๆ เช่น สนข. Associated Press สนข. Reuters และ สนข. Agence France-Presse เพื่อตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น อย่างไรก็ตาม สื่อต่าง ๆ ประเมินว่าการยกเลิกความร่วมมือกับ สนข.ต่างประเทศจะทำให้สหรัฐฯ เสียโอกาสในการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ และเปิดโอกาสให้ประเทศคู่แข่งชิงความได้เปรียบในการร่วมมือกับสื่อต่าง ๆ มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา เครือข่ายสื่อที่ร่วมมือกับสหรัฐฯ สามารถเข้าถึงคนทั่วโลกได้มากกว่า 427 ล้านคน และ สนข.VOA ถือว่าเป็นเครื่องมือที่สหรัฐฯ ใช้เผยแพร่ค่านิยมอเมริกันมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
สำหรับ สนข.VOA ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2485 เพื่อตอบโต้โฆษณาชวนเชื่อของแนวคิดนาซี โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ USAGM ที่มีเจ้าหน้าที่และพนักงานประมาณ 3,500 คน ได้รับการจัดสรรงบประมาณเมื่อปี 2567 จำนวน 866 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
คำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ครั้งนี้สะท้อนความขัดแย้งระหว่างทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับสื่อมวลชน ก่อนหน้านี้ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ จำกัดจำนวนสื่อมวลชนที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมงานแถลงข่าวของทำเนียบประธานาธิบดี รวมทั้งกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ด้วย