ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเมื่อ 23 มีนาคม 2568 ว่า สหรัฐฯ จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาขีดความสามารถทางการทหาร เพื่อป้องกันประเทศจากอันตรายและภัยคุกคาม โดยกองทัพสหรัฐฯ จะต้องมีเทคโนโลยีและยุทโธปกรณ์ที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติได้ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ ที่น่าสนใจ คือ กรณีผู้นำสหรัฐฯ ประกาศพัฒนาระบบป้องกันภัยทางอากาศ Golden Dome ที่จะปกป้องมาตุภูมิสหรัฐฯ จากขีปนาวุธทุกรูปแบบได้ นอกจากนี้ ระบบต่อต้านขีปนาวุธดังกล่าวจะเป็นการสร้างแบรนด์ใหม่ให้กับระบบป้องกันขีปนาวุธ Iron Dome ของอิสราเอล
แนวคิดการสร้าง Golden Dome ยังมีความท้าทายและอุปสรรค เนื่องจากต้องใช้งบประมาณมหาศาล ขณะที่รัฐบาลทรัมป์พยายามปรับลดงบประมาณกลาโหม นอกจากนี้ ความต้องการของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะให้ Golden Dome เป็นระบบต่อต้านขีปนาวุธทุกรูปแบบ รวมทั้งขีปนาวุธข้ามทวีป และขีปนาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียง ทำให้ต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีอีกมาก ก่อนหน้านี้เมื่อปลาย มกราคม 2568 ผู้นำสหรัฐฯ เคยหารือกับบริษัทอุตสาหกรรมอาวุธในประเทศไปแล้ว เพื่อหาแนวทางพัฒนาระบบดังกล่าว ปัจจุบันกระทรวงหลาโหมสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลและความเป็นไปได้ และจะต้องส่งรายงานให้ประธานาธิบดีทรัมป์พิจารณาใน 28 มีนาคม 2568
นอกจากการพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธ ผู้นำสหรัฐฯ ยังประกาศให้บริษัทโบอิ้ง พัฒนาเครื่องบินรบรุ่นใหม่ F-47 ภายใต้โครงการ Next Generation Air Dominance หรือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับขีดความสามารถของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเผยความสามารถหรือรูปร่างของ บ.F-47 แต่ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่าเครื่องบินรบใหม่นี้จะสามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับโดยเรดาร์ได้ สำหรับงบประมาณที่คาดว่าจะต้องใช้ในการพัฒนาเครื่องบินรบดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การพัฒนาและสร้างเครื่องบินดังกล่าวจะดำเนินการโดยบริษัทโบอิ้ง ที่เมือง St. Louis รัฐมิสซูรี สำหรับการพัฒนาเครื่องบินรบรุ่นสำคัญของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ บริษัท Lockheed Martin คู่แข่งสำคัญของบริษัทโบอิ้งได้สิทธิไป โดยพัฒนา บ.F-35 ซึ่งยังคงใช้เป็นยุทโธปกรณ์ของกองทัพ
ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่าการประกาศพัฒนาอาวุธสำคัญดังกล่าว นอกจากจะเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้ชาวอเมริกัน ก็ยังเป็นการส่งสัญญาณให้พันธมิตรของสหรัฐฯ ทั่วโลกเห็นว่า สหรัฐฯ ยังคงเป็นมหาอำนาจและผู้นำด้านการทหาร พร้อมกับเปิดเผยว่าประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ อาจได้รับอนุมัติให้ซื้อ บ.รุ่น F-47 ด้วย และสื่อมวลชนสหรัฐฯ รายงานว่า เลข 47 ของ บ.รุ่น F-47 นี้ ยังเป็นเป็นเลขเดียวกับลำดับประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ดำรงตำแหน่งด้วย