ผลผลิตทางการเกษตรกรหลายรายการมีราคาตกต่ำลงอย่างมาก เช่น ยางพาราได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อในตลาดต่างประเทศจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ทำให้ราคารับซื้อน้ำยางสดหน้าสวนปรับลงมาอยู่ที่ 46 บาทต่อ กก. จากเดิมเมื่อช่วงต้นปีอยู่ที่ประมาณ 70 บาทต่อ กก. โดยเกษตรกรคาดหวังให้ราคาอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 60 บาท จึงจะอยู่รอดได้ ด้านพริกชี้ฟ้ามีราคารับซื้อเหลือเพียง 30 บาทต่อ กก. จากปกติอยู่ 60 บาท เพราะมีพริกออกสู่ตลาดจำนวนมาก และพบกรณีชาวสวนพริกหยวก ใน อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ โพสต์คลิปเทกระจาดพริกที่ปลูกเอง เผยแพร่ทางติ๊กต็อก เพื่อประท้วงราคาที่ตกต่ำจนขาดทุน
ขณะที่สถานการณ์การส่งออกทุเรียนไทยนอกจากเผชิญปัญหาการถูกสวมสิทธิทุเรียนและปัญหาถูกตรวจสอบสาร BY2 จากจีนอย่างเคร่งครัดแล้ว ยังพบปัญหาการแข่งขันในตลาดทุเรียนจีนสูงขึ้น ล่าสุดมีรายงานว่า ลาวเตรียมเปิดตัวโครงการเพาะปลูกทุเรียนขนาดใหญ่ในแขวงอัตตะปือทางตอนใต้ บนพื้นที่ขนาด 1,700 ไร่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายผลักดันการเพาะปลูกผลไม้เชิงพาณิชย์ของลาว และส่งเสริมการลงทุนของเอกชนในภาคเกษตรกรรม ท่ามกลางความต้องการทุเรียนที่เพิ่มขึ้นจากจีน