นายกรัฐมนตรี Anthony Albanese อายุ 62 ปี/2568 ชนะการเลือกตั้งทั่วไปของออสเตรเลียเมื่อ 3 พฤษภาคม 2568 จึงจะได้ดำรงตำแหน่งผู้นำพรรคแรงงานและผู้นำรัฐบาลต่อไปเป็นสมัยที่ 2 มีวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี สำหรับชัยชนะจากการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นชัยชนะแบบขาดลอย (landslide) เหนือคู่แข่งทางการเมือง หรือนาย Peter Dutton จากพรรคอนุรักษ์นิยม โดยจากการนับคะแนน พรรคแรงงานได้คะแนนในสภาผู้แทนราษฎร 82 ที่นั่งจากทั้งหมด 151 ที่นั่ง ซึ่งทำให้เป็นเสียงส่วนมาก เพียงพอต่อการทำให้พรรคแรงงานได้สิทธิจัดตั้งรัฐบาล และเป็นคะแนนที่เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่พรรคแรงงานมีที่นั่งในสภา 77 ที่นั่ง สะท้อนว่าพรรคแรงงานได้รับความนิยมมากขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี 2565
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สร้างความผิดหวังให้กลุ่มที่สนับสนุนพรรคอนุรักษ์นิยมอย่างมาก นาย Dutton ผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมให้ความเห็นว่า “Trump effect” หรือการที่ชาวออสเตรเลียเชื่อว่าตัวเขามีภาพลักษณ์และทัศนคติแบบเดียวกันกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ มีส่วนทำให้ชาวออสเตรเลียไม่มั่นใจแนวทางการบริหารประเทศของผู้นำที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมและต่อต้านจีน เพราะอาจเป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ นาย Dutton ยังเสียเปรียบพรรคแรงงานเพราะนโยบายในช่วงการหาเสียงไม่ชัดเจนและทำให้ชาวออสเตรเลียสับสน จนไม่เชื่อมั่นว่านาย Dutton จะสามารถเจรจาต่อรองภาษีกับผู้นำสหรัฐฯ ได้ อย่างไรก็ตาม นาย Dutton ย้ำว่าพรรคอนุรักษ์นิยมมีความมุ่งมั่นจะส่งเสริมความมั่นคงและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ชาวออสเตรเลียต่อไป
รัฐบาลที่จะนำโดยนายกรัฐมนตรี Albanese จะเผชิญความท้าทายอย่างน้อย 3 เรื่อง ประเด็นแรก คือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในประเทศที่มีเงินเฟ้อและค่าครองชีพสูง ก่อนหน้านี้ ชาวออสเตรเลียจำนวนมากมีมุมมองว่ารัฐบาลพรรคแรงงานไม่สามารถแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ อสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจได้ดี แม้ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนว่า ชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นในนโยบายของพรรคแรงงาน แต่รัฐบาลยังเสี่ยงเผชิญอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจากสงครามการค้าระหว่างประเทศและนโยบายภาษีของสหรัฐฯ
ประเด็นที่ 2 คือ การรักษาดุลความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเพื่อรับมือกับสงครามการค้าและการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ของมหาอำนาจโลก รวมทั้งการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับฝรั่งเศส และการทำให้ประเทศในภูมิภาคแปซิฟิกใต้เชื่อมั่นว่าออสเตรเลียเป็นมหาอำนาจที่จะปกป้องความมั่นคงและความมั่งคั่งในภูมิภาคได้ ส่วนประเด็นที่ 3 คือ นโยบายของออสเตรเลียเรื่องพลังงานสะอาดและการอยู่ในห่วงโซ่อุปทานแร่หายาก (rare earth) ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดโลกอย่างมาก ในขณะที่รัฐบาลออสเตรเลียต้องรักษาสมดุลเรื่องความมั่นคงสิ่งแวดล้อมและการค้าระหว่างประเทศ
คาดว่ารัฐบาลออสเตรเลียที่นำโดยนายกรัฐมนตรี Albanese เป็นสมัยที่ 2 มีแนวโน้มสานต่อนโยบายเดิม เช่น การผลักดันกฎหมายแก้ไขปัญหาโลกร้อนและส่งเสริมการผลิตพลังงานสะอาด อย่างไรก็ตาม รัฐบาลออสเตรเลียยังเผชิญความท้าทายด้านการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ค่าครองชีพสูง ราคาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจในภาพรวมขยายตัวช้า ตลอดจนยังมีความท้าทายจากการบริหารจัดการผู้อพยพ ประเด็นการรับรองสถานะชนพื้นเมืองอย่างเป็นทางการในรัฐธรรมนูญออสเตรเลีย และการกำหนดจุดยืนที่ชัดเจนของออสเตรเลียใความขัดแย้งสำคัญในต่างประเทศ