สภาผู้แทนราษฎรเยอรมนี สภาล่าง หรือ Bundestag เมื่อ 7 พฤษภาคม 2568 ลงมติรับรองนาย Friedrich Merz หัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยม หรือ Christian Democratic Union (CDU) อายุ 69 ปี เป็นนายกรัฐมนตรี โดยได้รับคะแนน 325 เสียง การลงมติรับรองผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ไม่เหมือนกับครั้งที่ผ่านมา เนื่องจาก ต้องลงมติถึง 2 ครั้ง เนื่องจากในการลงมติครั้งแรก นาย Merz ไม่ได้รับคะแนนสนับสนุนมากพอ นับว่าเป็นเหตุการณ์ทางการเมืองของเยอรมนีที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และสะท้อนว่ารัฐบาลของนายกรัฐมนตรี Merz จะต้องเผชิญความท้าทายทางการเมืองอย่างมาก โดยพรรค CDU ชนะการเลือกตั้งเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2568 จากการร่วมมือกับพรรค Christian Social Union in Bavaria (CSU) ซึ่งร่วมมือกันเป็น CDU/CSU ได้คะแนนร้อยละ 28.6 ชนะพรรคอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง Alternative for Germany (AfD) ที่ได้คะแนนอันดับ 2 ที่ร้อยละ 20.8
หลังจากที่นายกรัฐมนตรี Merz ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ ก็มีพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ซึ่งมีวาระ 4 ปี รวมทั้งมีการประกาศแต่งตั้งบุคคลเข้ารับตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐมนตรีทันที ตลอดจนประกาศนโยบายสำคัญของประเทศ ได้แก่ ท่าทีของเยอรมนีต่อสถานการณ์ความขัดแย้งที่สำคัญของโลก ความร่วมมือกับนานาชาติ การฟื้นฟูเศรษฐกิจของเยอรมนีและภูมิภาคยุโรป นโยบายสวัสดิการและความมั่นคงภายในประเทศ นอกจากนี้ สื่อมวลชนเยอรมนีประเมินว่าการที่ผู้นำรัฐบาลชุดใหม่ต้องผ่านกระบวนการลงมติถึง 2 ครั้ง สะท้อนว่าจะเผชิญความท้าทายในการร่วมมือกับพรรคฝ่ายค้าน ที่ยังคงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ และต้องเร่งสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้ได้รับความร่วมมือจากสภาล่างเยอรมนี หรือ Bundestag ที่เป็นกลไกสำคัญในฝ่ายนิติบัญญัติของเยอรมนี
สื่อมวลชนเยอรมนีส่วนใหญ่สนับสนุนการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี Merz เนื่องจากจะเป็นผลดีต่อความร่วมมือระหว่างเยอรมนีกับสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ตลอดจนการเพิ่มบทบาทของเยอรมนีในเวทีระหว่างประเทศ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี Merz รับตำแหน่งผู้นำประเทศต่อจากนายกรัฐมนตรี Olaf Scholz พรรคสังคมประชาธิปไตย(Social Democrats-SPD) เยอรมนี ซึ่งที่ผ่านมาถูกวิจารณ์ว่าทำให้บทบาทของเยอรมนีในต่างประเทศตกต่ำลง เพราะดำเนินยุทธศาสตร์ไม่ชัดเจนและไม่มีบทบาทนำในการแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศ
สำหรับรัฐบาลชุดใหม่นี้ต้องติดตามต่อไปว่าจะสานต่อนโยบาย Zeitenwende ที่แปลว่าจุดเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศและกลาโหม ของอดีตนายกรัฐมนตรี Scholz หรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมา รัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ล้มเหลวในการสร้างจุดเปลี่ยนที่ชัดเจนและการทำให้เยอรมนีกลับไปเป็นผู้นำประเทศยุโรป รวมทั้งเนโต ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประเทศนอกภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มประเทศซีกโลกใต้ หรือ Global South ได้