รัสเซียและเกาหลีเหนือประเทศที่ประชาคมโลกเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นขั้วตรงข้ามกับสหรัฐฯ หรือโลกตะวันตก กำลังเชื่อมโยงทางกายภาพทางถนนจากเดิมที่ที่มีเส้นทางรถไฟ และความใกล้ชิดในฐานะหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน รวมถึงด้านการทหารที่เมื่อ 28 เมษายน 2568 เกาหลีเหนือออกมายอมรับว่าได้ส่งทหารไปช่วยรัสเซียรบในความขัดแย้งกับยูเครน ด้านผู้นำรัสเซียก็แสดงความขอบคุณผู้นำเกาหลีเหนือที่ส่งทหารไปช่วยรัสเซียยึดคืนดินแดนทางตะวันออกของรัสเซียจากการควบคุมของยูเครน
รัสเซียและเกาหลีเหนือวางศิลาฤกษ์ในการก่อสร้างสะพานรถยนต์เชื่อมพรมแดนระหว่างสองประเทศ เมื่อ 30 เมษายน 2568 ซึ่งจัดขึ้นพร้อมกันที่เมืองราซอน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาหลีเหนือ และเมืองคาซานของรัสเซีย เมืองชายแดนของทั้งสองประเทศ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย อาทิ นาย Mikhail Mishustin นายกรัฐมนตรีรัสเซีย และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือเข้าร่วม อาทิ นายนายพัค แท-ซ็อง นายกรัฐมนตรีเกาหลีเหนือ
สะพานรถยนต์ดังกล่าวจะมีความยาวประมาณ 4.7 กิโลเมตร กว้างประมาณ 7 เมตร ในรูปแบบถนน 2 เลน ข้ามแม่น้ำตูเมน (Tumen River) พรมแดนธรรมชาติระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือ และคู่ขนานกับสะพานทางรถไฟที่สร้างขึ้นเชื่อมต่อสองประเทศหลังสงครามเกาหลีสิ้นสุด หรือรู้จักกันในชื่อ “สะพานมิตรภาพ” โดยเริ่มก่อสร้างวันเดียวกับพิธีวางศิลาฤกษ์คือเมื่อ 30 เมษายน 2568 และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในครึ่งแรกของปี 2569
ที่มา: Radio Free Asia (ภาพถ่ายดาวเทียมจาก South Korean Company SI Analytics)
การก่อสร้างสะพานรถยนต์ซึ่งเชื่อมรัสเซีย-เกาหลีเหนือครั้งนี้ มีเป้าหมายทั้งเชิงสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและสันติภาพระหว่างสองประเทศที่แน่นแฟ้น และมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เนื่องจากดำเนินการภายใต้สนธิสัญญาความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างรัสเซีย-เกาหลีเหนือ (ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปลายปี 2567) และจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะเอื้อประโยชน์ในการเดินทาง การท่องเที่ยว ตลอดจนการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ เฉพาะอย่างยิ่งการขยายเส้นทางการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคในอนาคต
เกาหลีเหนือกับรัสเซียมีการแลกเปลี่ยนด้านเศรษฐกิจกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการค้าสินค้า อาทิ สินค้าเกษตร และพลังงาน รวมถึงการส่งออกแรงงานเกาหลีเหนือไปรัสเซีย ส่วนด้านการท่องเที่ยว ชาวรัสเซียเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่มาท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือ หลังปิดประเทศกว่า 4 ปี จากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 และเมื่อปี 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเยือนเกาหลีเหนือกว่า 880 คน โดยเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นหลัก ด้านผู้นำเกาหลีเหนือที่เยือนรัสเซีย เมื่อ 11 กันยายน 2566 ได้เดินทางด้วยรถไฟจากจากกรุงเปียงยางปยังนครวลาดิวอสต็อก
การก่อสร้างสะพานรถยนต์ยังสะท้อนถึงความใกล้ชิดทางการทูตและความสัมพันธ์ด้านการเมืองระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือ ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ อาทิ ความขัดแย้งรัสเซียกับยูเครน ความไม่มั่นคงในคาบสมุทรเกาหลี และนโยบายต่างประเทศที่ไม่แน่นอนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่อาจสร้างแรงกดดันต่อทั้งสองประเทศ อาทิ มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นแรงผลักดันหนึ่งที่ทำให้รัสเซียและเกาหลีเหนือหันมาพึ่งพาทางเศรษฐกิจระหว่างกันมากยิ่งขึ้น อีกทั้งจะกระตุ้นให้ความกังวลของชาติตะวันตกที่รัสเซียและเกาหลีเหนือใช้การเชื่อมโยงด้านคมนาคมเป็นช่องทางเพิ่มกิจกรรมที่เป็นภัยคุกคามความมั่นคงและท้าทายชาติตะวันตกมากขึ้น