ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนและผู้แทนจากประเทศยุโรป รวมทั้งสหราชอาณาจักรจะเยือนกรุงอังการาของตุรกีใน 15 พฤษภาคม 2568 เพื่อเข้าร่วมการประชุมหารือเรื่องสันติภาพในยูเครน ซึ่งเป็นการประชุมในโอกาสเดียวกันกับการประชุมกลุ่ม North Atlantic Council อย่างไม่เป็นทางการที่เมือง Antalya ของตุรกี ซึ่งจะมีผู้แทนระดับสูงจากประเทศต่าง ๆ ประมาณ 30 ประเทศเข้าร่วม ดังนั้น ผู้นำตุรกีหรือประธานาธิบดี Recep Tayyip Erdoğan จึงให้ความสำคัญกับการจัดประชุมครั้งนี้ เนื่องจากจะเป็นโอกาสต้อนรับผู้แทนระดับสูงจากต่างประเทศ และส่งเสริมบทบาทของตุรกีในฐานะผู้ค้ำประกันความมั่นคงของภูมิภาคยุโรป
การประชุมที่ตุรกีมีความสำคัญต่ออนาคตสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนอย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีรายงานว่ารัฐบาลรัสเซียจะส่งผู้แทนเยือนตุรกีเพื่อเจรจากับยูเครนด้วย และคาดหวังว่าจะเกิดการพบกัน 3 ฝ่ายระหว่างผู้นำรัสเซีย ยูเครน และสหรัฐฯ เพื่อหาทางออกของสงคราม อย่างไรก็ตาม มีข่าวสารยืนยันว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียจะไม่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว รวมทั้งไม่เป็นผู้แทนเจรจากับยูเครน ทั้งที่ หลายฝ่ายคาดหวังให้ผู้นำรัสเซียเยือนตุรกีเพื่อเข้าร่วมการเจรจาครั้งนี้ ที่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงทิศทางสงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมาเป็นระยะเวลานานกว่า 3 ปีและส่งผลกระทบต่อบรรยากาศความมั่นคงโลก
ผู้นำยูเครนแสดงความคิดเห็นก่อนหน้านี้ว่าพร้อมจะเจรจากับรัสเซีย โดยมีเงื่อนไขว่าประธานาธิบดีรัสเซียต้องเป็นผู้แทนในการเจรจาเท่านั้น เพื่อให้ระดับการเจรจามีความเท่าเทียมกันและสามารถตัดสินใจประเด็นสำคัญได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อประธานาธิบดีปูตินไม่มาเข้าร่วม ประธานาธิบดีเซเลนสกีแสดงความผิดหวังและจำเป็นต้องลดระดับคณะผู้แทนการเจรจา ทั้งนี้ ฝ่ายรัสเซียส่งนาย Vladimir Medinsky ที่ปรึกษาประธานาธิบดีรัสเซีย นาย Alexander Fomin รัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหม นาย Igor Kostyukov ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองรัสเซีย และนาย Mikhail Galuzin รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการเจรจา ส่วนฝ่ายยูเครนอยู่ระหว่างการกำหนดตัวผู้แทนการเจรจา โดยมีข้อสังเกตว่า ฝ่ายรัสเซียไม่ส่งนักเจรจาคนสำคัญของรัฐบาลอย่างนาย Sergei Lavrov รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ และนาย Yuri Ushakov ที่ปรึกษาประธานาธิบดีรัสเซียฝ่ายกิจการต่างประเทศ
แม้ว่าการเจรจาระหว่างผู้นำยูเครนกับผู้นำรัสเซียยังไม่เกิดขึ้น แต่การประชุมที่ตุรกีจะเป็นโอกาสให้ประเทศยุโรปและสมาชิกเนโตได้กำหนดนโยบายร่วมกันในการโน้มน้าวหรือกดดันให้รัสเซียยุติสงคราม ตลอดจนหารือเรื่องการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐฯ และแนวทางให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนต่อไป ด้านผู้นำยูเครนอาจใช้โอกาสนี้ที่ประธานาธิบดีรัสเซียไม่เข้าร่วมการประชุม ทั้งที่มีการเชิญอย่างเป็นทางการแล้วทำให้ทั่วโลกเห็นว่ารัสเซียมีเจตนาจะรุกรานยูเครนและไม่ต้องการสร้างสันติภาพ เพื่อโน้มน้าวให้ประเทศต่าง ๆ กดดันและลดความร่วมมือกับรัสเซียต่อไป