ชาวเกาหลีใต้ที่มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 44.4 ล้านคน เตรียมตัวไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ใน 3 มิถุนายน 2568 ขณะที่บางส่วนเริ่มไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว ซึ่งจัดขึ้นทั้งหมด 3,568 จุดทั่วประเทศ เป็นระยะเวลา 2 วันระหว่าง 30-31 พฤษภาคม 2568 การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญต่อทิศทางการเมืองและเสถียรภาพของเกาหลีใต้อย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ สถานการณ์การเมืองของเกาหลีใต้ค่อนข้างน่าห่วงกังวล ตั้งแต่อดีตประธานาธิบดียูน ซ็อก-ยอล ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปี 2567 เนื่องจากเชื่อว่ามีความพยายามจากต่างชาติจะแทรกแซงการเมืองของเกาหลีใต้ ทำให้ประชาชนและฝ่ายนิติบัญญัติเกาลีใต้ไม่พอใจอย่างมากและคัดค้านจนทำให้ศาลเกาหลีใต้ต้องมีคำสั่งถอดถอนอดีตประธานาธิบดีเมื่อเมษายน 2568 และต้องเร่งจัดการเลือกตั้งใหม่เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเมือง ทั้งนี้ นักการเมืองเกาหลีใต้จำนวนมากไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์
ผู้ที่คาดว่าจะได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่ คือ นายลี แจ-เมียง (Lee Jae-myung) อายุ 61 ปี สมาชิกสมัชชาแห่งชาติเกาหลีใต้และหัวหน้าพรรคประชาธิปไตย (KDP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่ได้รับความนิยมมากขึ้นตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2565 โดยมีฐานเสียงเป็นกลุ่มชาวเกาหลีใต้ที่สนับสนุนแนวคิดเสรีนิยม และจากผลสำรวจความคิดเห็นของชาวเกาหลีใต้สะท้อนว่า นายลี แจ-เมียง เป็นตัวเก็งในการชิงตำแหน่งครั้งนี้ เนื่องจากหาเสียงด้วยการเน้นย้ำว่าจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ คอร์รัปชัน และความแตกแยกทางการเมือง ตลอดจนจะสร้างเกาหลีใต้ให้เป็นแหล่งอุตสาหกรรมการผลิตเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของโลก รวมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์การเมืองนักการเมืองสายปฏิบัติ (pragmatist) เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่แน่นอน รวมทั้งนโยบายต่างประเทศกับเกาหลีเหนือ จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ
ผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนอื่น ๆ ได้แก่ นายคิม-มุนซู (Kim Moon-soo) ผู้สมัครสายอนุรักษนิยมและอดีตรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน อายุ 73 ปี ซึ่งผลสำรวจคะแนนนิยมค่อนข้างต่ำกว่านายลี แจ-เมียง อย่างมาก ขณะที่พรรคอนุรักษ์นิยมของเกาหลีใต้ไม่สามารถรักษาฐานเสียงของอดีตประธานาธิบดียูน ซ็อก-ยอล ได้ อย่างไรก็ตาม ในอดีต นายลี แจ-เมียงเคยถูกเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย และการคอร์รัปชันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่เขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่าผู้กล่าวหาโจมตีเพื่อหัวงผลประโยชน์ทางการเมือง
นอกจากนี้ หลายฝ่ายประเมินว่านายลี แจ-เมียง มีแนวคิดดำเนินนโยบายต่างประเทศใกล้ชิดเกาหลีเหนือและจีนมากขึ้น แต่ในช่วงการหาเสียง เขาได้ปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบายต่างประเทศโดยเน้นให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ พร้อมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์การทำงานโดยชักชวนนักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมให้ร่วมงานกันมากขึ้น