สื่อมวลชนกัมพูชารายงานเมื่อ 3 มิถุนายน 2568 เตือนประชาชนชาวกัมพูชาไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่ใช้ความรู้สึกรักชาติและต้องการสนับสนุนทหารในช่วงนี้ ใช้สื่อสังคมออนไลน์หลอกให้ชาวกัมพูชาสนับสนุนเงินหรือบริจาคเงิน เสื้อผ้า และสิ่งของให้กองทัพ โดยปัจจุบันพบว่ามีมิจฉาชีพสร้างตัวตนปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกให้ชาวกัมพูชาโอนเงินเพื่อบริจาคสิ่งของและอุปกรณ์สนับสนุนให้ทหารบริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย ด้านรัฐบาลกัมพูชาเพิ่มความร่วมมือกับบริษัท Meta ให้ควบคุมและจัดการกับมิจฉาชีพในแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ สื่อกัมพูชารายงานว่า จุดผ่านแดนระหว่างกัมพูชากับไทยยังเปิดให้บริการทุกจุด แม้ว่าจะมีกระแสข่าวว่าอาจปิดทำการบางแห่ง ด้านชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ติดกับพรมแดนกัมพูชา-ไทยไม่เห็นด้วยกับการปิดทำการด่านข้ามแดนหรือจุดผ่านแดนระหว่างกัน เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อการค้าและการท่องเที่ยวที่เป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีฮุน มาแนต ของกัมพูชาประกาศผ่านสื่อสังคมออนไลน์เมื่อ 2 มิถุนายน 2568 ว่าจะเสนอให้การแก้ไขปัญหาพื้นที่ทับซ้อนบริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชา ดำเนินการผ่านการพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ โดยความคิดเห็นดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาแล้ว นอกจากนี้ กัมพูชาเสนอให้ไทยเร่งสิบสวนเหตุความรุนแรงเมื่อ 28 พฤษภาคม 2568 ซึ่งกัมพูชาถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง โหดร้ายและละเมิดกฎหมาย เนื่องจากมีทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นายขณะเกิดเหตุปะทะบริเวณพรมแดน พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีฮุน มาแนต ของกัมพูชาย้ำว่าต้องการแก้ไขสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณพรมแดนกัมพูชา-ไทยตามแนวทางสันติภาพและการเจรจา โดยพร้อมจะส่งคณะผู้แทนหารือในกรอบ Joint Border Committee (JBC) ขณะเดียวกัน กัมพูชาจะยึดหลักกฎหมายนานาชาติเพื่อบรรเทาความขัดแย้ง และจะหยิบยกประเด็นการให้ ICJ มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาพิพาทบริเวณพรมแดน ในการประชุม JBC ครั้งต่อไปด้วย
สำหรับพื้นที่ที่รัฐบาลกัมพูชาจะเสนอให้ ICJ พิจารณาจะรวมถึงกลุ่มปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งปัจจุบันอยูภายใต้อธิปไตยของไทย อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีฮุน มาแนต ของกัมพูชา ยืนยันว่ากัมพูชามีสิทธิตามกฎหมายที่จะใช้ทุกวิธีการเพื่อปกป้องอธิปไตยของตนเอง ทั้งนี้ สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แสดงความเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์สนับสนุนการใช้ ICJ เป็นกลไกแก้ไขปัญหาพรมแดนกัมพูชา-ไทย พร้อมกับระบุว่าหากไทยต้องการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ก็ควรจะสนับสนุนให้ ICJ มีส่วนร่วมด้วย ขณะที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในกัมพูชาสนับสนุนการดำเนินนโยบายดังกล่าว
กัมพูชาเคยใช้กลไก ICJ แก้ไขปัญหาพรมแดน โดยเมื่อปี 2502 กัมพูชายื่นคำร้องต่อ ICJ ขอให้วินิจฉัยว่าอำนาจอธิปไตยเหนือตัวปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา และขอให้ทางการไทยถอนทหารออกจากปราสาทพระวิหารจากนั้น ICJ ตัดสินเมื่อ มิถุนายน 2505 ให้ปราสาทพระวิหารอยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ตามแผนที่ปักปันเขตแดน 2450 และเมื่อปี 2554 เกิดการปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา กัมพูชาขอให้ ICJ ตีความคำตัดสินของศาลเมื่อปี 2505 อีกครั้ง
ทั้งนี้ ICJ คือ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก ตั้งโดยกฎบัตรสหประชาชาติเมื่อปี 2489 มี สำนักงานใหญ่ ที่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ มีอำนาจพิจารณาตัดสินคดีใด ๆ ที่เป็นข้อพิพาทระหว่างประเทศ 2 ประเทศขึ้นไป เช่น ข้อพิพาทเรื่องดินแดนอาณาเขต การละเมิดอำนาจอธิปไตย และปัญหาสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ ปัจจุบันมีรัฐภาคีที่เป็นสมาชิกของสหประชาชาติ และเป็นประเทศที่ยอมรับอำนาจของศาลโลกจำนวน 62 ประเทศ รวมทั้งไทยและกัมพูชา ประธานศาลโลกคนปัจจุบัน คือ โจแอน อี. โดนอฮิว ชาวอเมริกัน