ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อ 4 มิถุนายน 2568 ลงนามในคำสั่งผู้บริหาร ห้ามบุคคลที่เดินทางมาจาก 12 ประเทศ เข้าสหรัฐฯ โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงปลอดภัยแห่งชาติ สำหรับ 12 ประเทศที่จะเผชิญมาตรการดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นประเทศในภูมิภาคแอฟริกา ได้แก่ ชาด คองโก อิเควทอเรียลกินี เอริเทรีย ซูดาน และโซมาเลีย นอกจากนี้ ยังมีเมียนมา อิหร่าน ลิเบีย เยเมน อัฟกานิสถาน และเฮติ ด้วย
ส่วนประเทศที่สหรัฐ จะจำกัดการเดินทางเข้าสหรัฐฯ มีจำนวน 7 ประเทศ ได้แก่ ลาว คิวบา เวเนซุเอลา ซีราลีออน บุรุนดี ตองโก และเติร์กเมนิสถาน ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์อ้างเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติเช่นกัน ด้านโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุสาเหตุที่บุคคลจาก 7 ประเทศไม่เผชิญคำสั่งคว่ำบาตรหรือห้ามเดินทาง เพราะสหรัฐฯ ให้โอกาสในการพิจารณาคัดกรองบุคคล รวมทั้งให้โอกาสในการเจรจาเพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างกันด้วย
คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ใน 9 มิถุนายน 2568 ผู้ที่ได้รับผลกระทบหลัก คือ บุคคลจาก 19 ประเทศดังกล่าวที่ต้องการขอวีซ่าเดินทางเข้าสหรัฐฯ หลังจากนั้น ส่วนผู้ที่เคยได้รับวีซ่าก่อนหน้านั้นจะไม่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวอาจยกเว้นให้สำหรับผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ ในฐานะนักกีฬา และผู้ที่ถือสองสัญชาติ
ประธานาธิบดีทรัมป์มีนโยบายแข็งกร้าวต่อการคัดกรองบุคคลที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศสมัยแรก โดยเมื่อปี 2560 เคยออกคำสั่งผู้บริหารห้ามบุคคลจาก 7 ประเทศมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้แก่ อิรัก อิหร่าน ซีเรีย ลิเบีย เยเมน โซมาเลียและซูดาน ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว ผู้ที่มีญาติหรือครอบครัวในสหรัฐฯ นักเรียนนักศึกษา และนักธุรกิจ เนื่องจากเหตุผลด้านความมั่นคงเช่นกัน
ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า เหตุการณ์ก่อการร้ายและก่อเหตุรุนแรงต่อชาวยิวในสหรัฐฯ ห้วงที่ผ่านมาสะท้อนว่าสังคมอเมริกันเผชิญความเสี่ยงด้านความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากมีชาวต่างชาติที่เข้าไปอยู่อาศัยในสหรัฐฯ มากขึ้นโดยไม่ได้รับการคัดกรองอย่างเข้มงวด พร้อมกันนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการจัดการกับผู้อพยพผิดกฎหมายที่ยังอยู่ในสหรัฐฯ ด้วย และระบุว่ารัฐบาลจะไม่ยอมให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศในยุโรปเกิดขึ้นที่สหรัฐฯ เฉพาะอย่างยิ่งการปล่อยให้ผู้อพยพเดินทางเข้าสหรัฐฯ เพื่อก่อเหตุร้ายหรือเป็นอันตรายต่อสังคม
คำสั่งของผู้นำสหรัฐฯ ครั้งนี้มีแนวโน้มจะกลายเป็นประเด็นขัดแย้งทางกฎหมาย รัฐต่าง ๆ มีแนวโน้มคัดค้านและใช้มาตรการทางกฎหมายระดับรัฐเพื่อคัดค้านคำสั่งดังกล่าว ทั้งนี้ ชาวอเมริกันเชื้อสายคิวบาในรัฐฟลอริดาแสดงความผิดหวังต่อนโยบายของผู้นำสหรัฐฯ เนื่องจากจะเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของชาวคิวบาที่มีญาติหรือครอบครัวในสหรัฐฯ ด้านสมาชิกพรรคเดโมแครตโจมตีมาตรการของผู้นำสหรัฐฯ ว่าบั่นทอนสถานะผู้นำโลกของสหรัฐฯ และจะทำให้สหรัฐฯ อ่อนแอในการเมืองระหว่างประเทศ