กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อ 18 มิถุนายน 2568 ประกาศว่า สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการระงับวีซาแก่นักศึกษาและนักเรียนต่างชาติที่ต้องการเดินทางไปสหรัฐฯ เนื่องจากได้รับข้อมูลว่ามีนักศึกษาต่างชาติจำนวนมากได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้ที่เริ่มใช้เมื่อ พฤษภาคม 2568 และมาตรการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อสถาบันการศึกษาในสหรัฐฯ ที่จะเริ่มต้นภาคการศึกษาในปลายกรกฎาคม 2568 อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยกระดับการตรวจสอบสื่อสังคมออนไลน์ของผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าสหรัฐฯ มากขึ้น โดยผู้ที่ต้องการวีซ่าจากสหรัฐฯ ต้องอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเคลื่อนไหวจากสื่อสังคมออนไลน์ หากไม่อนุญาต จะเท่ากับว่าพยายามปกปิดข้อมูลสำคัญต่อการพิจารณาคัดกรองและให้วีซ่า
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ย้ำว่ามาตรการดังกล่าวเป็นไปเพื่อให้มั่นใจว่าสหรัฐฯ สามารถคัดกรองและตรวจสอบบุคคลที่ต้องการเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้อย่างละเอียด และมั่นใตจว่าจะไม่ปล่อยให้บุคคลที่มีทัศนคติที่เป็นอันตรายหรือภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ เดินทางเข้าประเทศ อย่างไรก็ตาม นักวิชาการจากสถาบันศึกษาในสหรัฐฯ บางส่วนยังมีมุมมองเชิงลบต่อมาตรการคัดกรองบุคคลที่เข้มงวด และเป็นภัยคุกคามต่อเสรีภาพในการแสดงออก เปรียบเหมือนย้อนกลับไปช่วงสงครามเย็น
นักศึกษาต่างชาติที่รอเข้าศึกษาในสหรัฐฯ แสดงความยินดีที่สหรัฐฯ ทบทวนมาตรการดังกล่าว และจะเริ่มมีการสัมภาษณ์เพื่อประกอบการพิจารณาให้วีซ่าในสัปดาห์หน้า
แม้จะมีการผ่อนคลายมาตรการให้วีซ่าแก่นักศึกษาต่างชาติ แต่รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงมีนโยบายเข้มงวดต่อการคัดกรองชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศ ทั้งการกดดันมหาวิทยาลัยชั้นนำ หรือมหาวิทยาลัย Harvard ให้ส่งข้อมูลนักศึกษาให้หน่วยความมั่นคงตรวจสอบ การขู่จะยกเลิกวีซ่าแก่นักศึกษาต่างชาติที่ปัจจุบันอยู่ในสหรัฐฯ และเมื่อ 14 มิถุนายน 2568 สหรัฐฯ เรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ 36 ประเทศ เพิ่มมาตรการคัดกรองบุคคลที่ต้องการเดินทางไปสหรัฐฯ ภายใน 60 วัน ไม่เช่นนั้นอาจเผชิญมากตรารคว่ำบาตรการเดินทางทั้งหมดแทน
สำหรับประเทศ 36 ประเทศ ได้แก่ ประเทศในแอฟริกา 25 ประเทศ รวมทั้งอียิปต์แจะจีบูติ ที่เป็นประเทศหุ้นส่วนใกล้ชิดของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังมีประเทศในภูมิภาคเอเชียกลาง แคริเบียน หมู่เกาะแปซิฟิก และมีกัมพูชาอยู่ในกลุ่ม 36 ประเทศดังกล่าวด้วย สำหรับมาตรการคัดกรองนี้สหรัฐฯ ต้องการป้องกันไม่ให้บุคคลที่มีแนวคิดต่อต้านสหรัฐฯ ค่านิยมอเมริกัน และต่อต้านยิว เดินทางเข้าประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเพาะบ่มความรุนแรงในประเทศ