หลังจากอิสราเอลเริ่มโจมตีอิหร่านด้วยขีปนาวุธเมื่อ 13 มิถุนายน 2568 โลกไซเบอร์เป็นอีกสมรภูมิที่อิสราเอลและอิร่านฟาดฟันกัน และเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้เกิดการตอบโต้ไปมา อย่างน้อยจนถึง 19 มิถุนายน 2568 ก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะยุติลงได้ ตัวแสดงที่ฟาดฟันบนโลกไซเบอร์ ดำเนินการโดยแฮกเกอร์ทั้งที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายให้การสนับสนุน และแฮกเกอร์ที่มีอุดมการณ์ของตนเอง เป้าหมายของการโจมตีคือทำให้ให้ระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของอีกฝ่ายหยุดชะงัก โดยไม่ต้องใช้กำลังทางทหาร
สำนักงานของ Radware บริษัทด้านการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ของสหรัฐฯ ที่กรุงเทลาวีฟระบุว่า แฮกเกอร์ที่รัฐบาลอิหร่านให้การสนับสนุน โจมตีทางไซเบอร์ต่อเป้าหมายในอิสราเอลเพิ่มขึ้นถึง ร้อยละ 700 หลังจากที่อิสราเอลโจมตีทางอากาศต่ออิหร่านเมื่อ 13 มิถุนายน 2568 โดยเน้นโจมตีเว็บไซต์ของภาครัฐ ธนาคาร โทรคมนาคม และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญอื่น ๆ และที่สำคัญแฮกเกอร์กลุ่ม Handala ที่สนับสนุนรัฐบาลอิหร่านกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ด้วยการโจมตีบริษัทอิสราเอลหลายแห่ง รวมถึงบริษัทปิโตรเคมีของอิสราเอลที่ชื่อ Delek Group
กลุ่มแฮกเกอร์ Mysterious Team Bangladesh และกลุ่ม Arabian Ghost ยังได้เตือนจอร์แดนและซาอุดีอาระเบียไม่ให้การสนับสนุนอิสราเอล มิฉะนั้นจะถูกโจมตีทางไซเบอร์เช่นเดียวกับอิสราเอล ซึ่งกลุ่มได้เจาะข้อมูล และปิดสถานีวิทยุหลายแห่งของอิสราเอลไปแล้วด้วย
อิหร่านยังป้องกันระบบไซเบอร์ในประเทศด้วยการจำกัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจากนอกอิหร่านอีกด้วย ซึ่งทำให้ระบบโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศใช้ไม่ได้ ส่วนเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ห้ามใช้อุปกรณ์ที่เชื่อมโยงกับอินเทอร์เน็ต เช่น สมาร์ตโฟน และสมาร์ตวอช เพื่อลดโอกาสการที่อิสราเอลจะใช้ระบบดิจิทัลตรวจับเป้าหมายเพื่อ การโจมตีทางอากาศ นอกจากนี้ รัฐบาลอิหร่านยังทำให้ความเร็วของอินเทอร์เน็ตช้าลง ซึ่งเป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ช่วยสกัดกั้นการโจมตีจากแฮกเกอร์ฝั่งอิสราเอล พร้อมแนะนำให้ชาวอิหร่านถอนการติดตั้ง WhatsApp และ Meta ซึ่งชาวอิหร่านนิยมใช้ เพราะอิสราเอลอาจใช้เป็นช่องทางสอดแนมชาวอิหร่านได้
แฮกเกอร์ที่สนับสนุนอิสราเอลก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ โดยกลุ่ม Predatory Sparrow ที่ต่อสู้กับแฮกเกอร์ของฝ่ายอิหร่านมาโดยตลอด ยืนยันว่าได้เจาะระบบธนาคาร Bank Sepah ของอิหร่านจนประสบความสำเร็จ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ประสบความสำเร็จในการโจมตีเป้าหมายบริษัทอิหร่านมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เมื่อ 18 มิถุนายน 2568 กลุ่ม Predatory Sparrow ยังประกาศความรับผิดชอบในการเจาะบริษัท Nobitex ซึ่งเป็นกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในอิหร่าน ทำให้บริษัท Nobitex สูญเสียเงินจำนวนไปกว่า 82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลุ่มนี้ยังขู่อีกว่าจะเจาะบริษัท Nobitex เพิ่มอีก
หน่วยงานด้านไซเบอร์ของอิสราเอลยังได้เตือนชาวอิสราเอลว่า หน่วยงานไซเบอร์ของอิหร่านได้ใช้มัลแวร์ในการสร้างความตื่นตระหนก ด้วยการปล่อยข่าวปลอม เช่น ชาวอิสราเอลไม่ต้องใช้หลุมหลบภัย เพราะอาจถูกเป็นเป้าหมายในการถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ ขณะที่สหรัฐฯ ก็เฝ้าติดตามโลกไซเบอร์ เพราะกลุ่มแฮกเกอร์อิหร่านประกาศจะโจมตีสหรัฐฯ ซึ่งเข้าข้างอิสราเอลเช่นกัน
———————