อิหร่านตอบโต้สหรัฐฯ แล้ว ด้วยการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในกาตาร์ด้วยขีปนาวุธ เมื่อ 23 มิถุนายน 2568 ตามที่ปรึกษาของผู้นำสูงสุดอิหร่านได้ประกาศไว้ว่าอิหร่านอาจใช้ขีปนาวุธโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง ฐานทัพสหรัฐฯ ที่ตกเป็นเป้าหมาย ได้แก่ ฐานทัพ Al Udeid ในกาตาร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์บัญชาการทางอากาศของกองบัญชาการกลางของสหรัฐฯ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง มีทหารอเมริกันอยู่ประมาณ 8,000 คน นับว่าเป็นฐานทัพสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค
เบื้องต้นไม่พบว่าได้รับความเสียหายรุนแรง เนื่องจากสหรัฐฯ และกาตาร์ได้ร่วมมือกันยกระดับการเฝ้าระวังและป้องกันฐานทัพดังกล่าวไว้แล้วล่วงหน้า โดยใช้ระบบป้องกันภัยทางอากาศยิงสกัดขีปนาวุธจากอิหร่าน แต่ยืนยันว่าฐานทัพดังกล่าวตกเป็นเป้าโจมตีด้วยขีปนาวุธพิสัยกลางและพิสัยใกล้อย่างน้อย 19 ลูก อย่างไรก็ดี ฐานทัพ Al Udeid ไม่ได้รับความเสียหายมากนัก เพราะสหรัฐฯ ได้อพยพเครื่องบิน และยุทโธปกรณ์ที่สำคัญ ๆ ออกจากฐานทัพนี้ไปก่อนที่จะโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน เมื่อ 21 มิถุนายน 2568 แล้ว เพราะเชื่อว่าเป็นเป้าหมายการตอบโต้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกาตาร์ประณามการโจมตีของอิหร่านว่าเป็นการละเมิดอธิปไตย รวมทั้งกฎหมายระหว่างประเทศ
ส่วนข้อมูลเรื่องการโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในอิรัก ไม่เป็นความจริง โดยก่อนหน้านี้ มีรายงานว่าฐานทัพ Ain al-Assad ของสหรัฐฯ ในภาคตะวันตกของอิรัก ตกเป็นเป้าหมายโจมตีด้วยขีปนาวุธจากอิหร่าน แต่ทหารอเมริกันในพื้นที่ดังกล่าวยืนยันได้ว่าไม่มีการโจมตี อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าฐานทัพ Taji ของกองทัพอิรักทางตอนเหนือของกรุงแบกแดด ตกเป็นเป้าโจมตีโดยอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ปัจจุบันยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือความสูญเสีย สะท้อนว่าบรรยากาศความมั่นคงในอิรักได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งในปัจจุบัน แม้ว่ารัฐบาลอิรักจะพยายามรักษาดุลความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ มาโดยตลอด
ทั้งนี้ มีรายงานว่าบริษัทน้ำมันจากต่างประเทศที่อยู่ทางตอนใต้ของอิรัก เช่น บริษัท BP และบริษัท TotalEnergies ประกาศอพยพเจ้าหน้าที่บางส่วนออกจากพื้นที่ เนื่องจากวิตกกับสถานการณ์ความขัดแย้งและความรุนแรง แต่ยืนยันว่าจะคงกำลังการผลิตในพื้นที่สำคัญต่อไป
แนวโน้มสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลยังไม่ยุติ เนื่องจากอิหร่านยืนยันว่ายังไม่มีข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะระบุเมื่อ 23 มิถุนายน 2568 หลังจากเหตุการณ์โจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในกาตาร์ว่าปัจจุบันอิหร่านและอิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกันแล้ว แต่อิหร่านปฏิเสธชัดเจน และยืนยันว่ายังไม่ยุติปฏิบัติการทางทหาร จนกว่าอิสราเอลจะเป็นฝ่ายยุติก่อน ด้านอิสราเอลไม่มีถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการ แต่ยังมีรายงานการโจมตีทางอากาศต่ออิหร่านอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับยืนยันว่าไม่มีเจตนาจะทำลายระบอบการปกครองของอิหร่าน แต่ต้องการป้องกันภัยคุกคามจากอิหร่าน ทั้งนี้ อิสราเอลระบุว่าพร้อมจะลดระดับความขัดแย้งและการปฏิบัติการทางทหาร แต่อิหร่านต้องเป็นฝ่ายยุติการโจมตีก่อนเช่นกัน ขณะที่ทั่วโลกวิตกว่าสถานการณ์ครั้งนี้จะยืดเยื้อและกระทบราคาน้ำมันที่ปรับราคาสูงขึ้นอย่างมาก