นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการเมื่อ 2 กรกฎาคม 2568 เพื่อพบหารือทวิภาคีกับสมเด็จฯ ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปีของ การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน การเยือนครั้งนี้ ผู้นำทั้งสองประเทศได้ยืนยันความมุ่งมั่นที่ จะเสริมสร้างความร่วมมือในหลากหลายสาขา ได้แก่
ด้านพลังงานหมุนเวียน ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันเพื่อพัฒนาพลังงานสะอาด โดยสิงคโปร์มีแผนที่จะนำเข้าพลังงานสะอาด 1 กิกะวัตต์ (GW) จากกัมพูชา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “โครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid)” ที่จะเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าของสมาชิกอาเซียนและเปิดให้มีการซื้อขายไฟฟ้าข้ามพรมแดนภายในปี 2588 โดยบริษัท Keppel ของสิงคโปร์ได้ลงนามข้อตกลงกับ Royal Group Power ของกัมพูชาเพื่อนำเข้าไฟฟ้าคาร์บอนต่ำระยะยาวไปแล้ว ส่วนตลาดคาร์บอน ทั้งสองประเทศกำลังพัฒนาข้อตกลงการดำเนินการร่วมกันเพื่อส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูง ซึ่งจะช่วยระดมทุนสำหรับโครงการพลังงานสะอาด ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนชนบท และช่วยให้ทั้งสองประเทศบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-Zero Goals)
ด้านการค้าสินค้าเกษตร กัมพูชาเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญ และสิงคโปร์พึ่งพาการนำเข้าอาหารเกือบทั้งหมด ทั้งสองฝ่ายจึงจะเพิ่มความร่วมมือในด้านนี้ เพื่อช่วยให้สิงคโปร์สามารถกระจายแหล่งนำเข้าอาหารได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งสองประเทศ ด้านการค้าและการลงทุน สิงคโปร์เป็นหนึ่งในนักลงทุนและ
คู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา โดยในปี 2567 มูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 เป็น 4,830 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งสองฝ่ายยังตกลงในด้านพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สิงคโปร์สนับสนุนกัมพูชาเพื่อพัฒนาบุคลากร ทั้งในด้านสาธารณสุข รวมถึงการเชื่อมโยงระหว่างประชาชน นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความเป็นแกนกลางและความสามัคคีของอาเซียน เพื่อให้กลุ่มประเทศนี้มีความเกี่ยวข้องและส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกันในภูมิภาค โดยเฉพาะในสภาวะที่สถานการณ์โลกมีความไม่แน่นอน
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี กษัตริย์แห่งกัมพูชา รวมทั้งเข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งได้บรรยายสรุปสถานการณ์ตึงเครียดชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยสมเด็จฯ ฮุน เซน เสียใจอย่างยิ่งกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะต้องการเห็นความสามัคคีในอาเซียน และว่ากัมพูชาไม่ต้องการก่อสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านและปรารถนาแก้ไขปัญหาอย่างสันติตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเข้าสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice – ICJ) หรือ ศาลโลก แต่สงวนสิทธิ์ในการปกป้องอธิปไตยหากถูกละเมิดหรือรุกราน
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวชื่นชมสมเด็จฯ ฮุน เซน ที่อธิบายสถานการณ์ปัจจุบันระหว่างกัมพูชาและไทยโดยละเอียด พร้อมยืนยันว่าจะสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ โดยยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกลไกทวิภาคี และคาดหวังว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นในภูมิภาคอาเซียน ร่วมกับขอให้ทั้งสองฝ่ายอดกลั้นและแก้ไขปัญหานี้ตามกฎหมายและแนวทางสันติ