ผู้นำกัมพูชาและผู้นำเมียนมาเมื่อ 12 กรกฎาคม 2568 แลกเปลี่ยนหนังสือแสดงความยินดีและร่วมกันฉลองวาระครบรอบ 70 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน โดยต่างฝ่ายต่างกล่าวถึงความเป็นมิตร และความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยาวนาน รวมทั้งจะส่งเสริมความร่วมมือดังกล่าวให้ใกล้ชิดกัน เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติต่อไป
ทั้งนี้ รัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลเมียนมาสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการระหว่างกันเมื่อ 12 กรกฎาคม 2498 ปัจจุบันทั้ง 2 ประเทศจะมีความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีระหว่างกัน และพยายามขยายความร่วมมือด้านการค้า การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง แต่เผชิญอุปสรรค เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศไม่มีพรมแดนติดกัน และสถานการณ์การเมืองภายในเมียนมาที่ยังมีความขัดแย้ง
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำรัฐบาลกัมพูชากับเมียนมาค่อนข้างใกล้ชิด เฉพาะอย่างยิ่งภายหลังเมียนมามีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนคนแรกที่เยือนเมียนมาเมื่อปี 2565 เพื่อพบกับพลเอกอาวุโสมินอองไหลง์ ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) และ ผบ.ทสส. ในช่วงที่หลายประเทศระมัดระวังการเยือนเมียนมา เนื่องจากอาจเท่ากับการรับรองสถานะของ SAC รวมทั้งสนับสนุนการใช้มาตรการรุนแรงปราบปรามความเคลื่อนไหวของประชาชนชาวเมียนมาที่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
ที่ผ่านมา รัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลเมียนมาหารือกันอย่างใกล้ชิด โดยส่งเจ้าหน้าที่และผู้แทนระดับสูงแลกเปลี่ยนการเยือนเพื่อเน้นย้ำความร่วมมือในฐานะประเทศที่เป็นมิตรต่อกัน ซึ่งเมื่อปี 2567 กัมพูชากับเมียนมามีภาพลักษณ์ความสัมพันธ์ที่ดีอย่างมากจนเรียกว่าเป็นความสัมพันธ์พิเศษ (special relationship) โดยมีแนวโน้มจะขยายความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคงระหว่างกันด้วย ทั้งนี้ แม้ว่ากัมพูชาจะเน้นย้ำความสัมพันธ์ที่ดีต่อเมียนมา แต่ก็เห็นด้วยกับการขับเคลื่อนแนวทางของอาเซียนที่ต้องการให้เมียนมามีสันติภาพและเสถียรภาพทางการเมืองโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เมียนมากลายเป็นแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติ
นอกจากนี้ ผู้นำเมียนมายังคงแสดงบทบาทมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการพัฒนาและสันติภาพในเมียนมา เนื่องจากผู้นำกัมพูชา โดยเฉพาะสมเด็จฮุน เซน เชื่อมั่นว่าประสบการณ์ของกัมพูชาในการสร้างสันติภาพภายในประเทศจะสามารถเป็นตัวอย่างให้เมียนมาได้ เฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนบทบาทของอาเซียนและการปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ประการเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเมืองในเมียนมา