ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เมื่อ 14 กรกฎาคม 2568 ประกาศว่า สหรัฐฯ พร้อมจะส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศที่มีศักยภาพสูง หรือระบบ Patriot ให้ยูเครน เพื่อตอบสนองความต้องการของยูเครนและขยายขีดความสามารถในการป้องกันประเทศของยูเครนให้แข็งแกร่งมากขึ้น นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังระบุว่าจะหารือกับนาย Mark Rutte เลขาธิการเนโตที่อยู่ระหว่างการเยือนสหรัฐฯ ใน 14-15 กรกฎาคม 2568 เพื่อพิจารณาแนวทางปกป้องสันติภาพและการส่งความช่วยเหลือด้านการทหารให้ยูเครนเพิ่มเติมด้วย ซึ่งสื่อมวลชนสหรัฐฯ คาดว่าอาจหมายถึงการส่งยุทโธปกรณ์เชิงรุกให้ยูเครนใช้ในการตอบโต้ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย
ประธานาธิบดีทรัมป์ยังใช้โอกาสนี้วิจารณ์รัสเซียเชิงลบ เนื่องจากไม่ยอมรับข้อตกลงยุติสงครามตามที่สหรัฐฯ เสนอ โดยให้ทั้ง 2 ฝ่ายยุติปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดเป็นระยะเวลา 30 วัน พร้อมกับพาดพิงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียว่าเป็นผู้นำที่สร้างความปะหลาดใจให้ผู้อื่นเสมอ โดยมีท่าทีระหว่างการเจรจาเป็นมิตร และกลับสั่งทิ้งระเบิดไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ไม่พอใจท่าทีดังกล่าว เพราะทำให้ความพยายามของผู้นำสหรัฐฯ ไม่มีความคืบหน้า จึงแสดงความผิดหวังต่อประธานาธิบดีปูติน
การเปลี่ยนแปลงท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนครั้งนี้ด้วยการสนับสนุนยุทโธปกรณ์ เป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซียให้ยอมรับข้อเสนอของสหรัฐฯ เพื่อให้เป็นผลงานด้านการดำเนินนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์เคยส่งสัญญาณว่าอาจลดความช่วยเหลือด้านการทหารต่อยูเครน เนื่องจากส่งผลกระทบต่องบประมาณของสหรัฐฯ และจะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเจรจาแทน นอกจากนี้ ในการพบหารือระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับประธานาธิบดียูเครนที่ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อมีนาคม 2568 ก็ไม่ราบรื่น ทำให้หลายฝ่ายประเมินว่าผู้นำสหรัฐฯ อาจดำเนินนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อรัสเซียมากกว่ายูเครน
การให้ความช่วยเหลือด้านการทหารของสหรัฐฯ ต่อยูเครนอาจดำเนินการผ่านกลไกเนโตมากขึ้น เนื่องจากยุทโธปกรณ์สำคัญของสหรัฐฯ รวมทั้งระบบ Patriot ติดตั้งอยู่ในประเทศสมาชิกเนโตในยุโรปอยู่แล้ว เช่น เยอรมนีและสเปน ขณะเดียวกันวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ก็กำลังผลักดันร่างกฎหมายคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม รวมทั้งการขึ้นภาษีร้อยละ 500 ต่อประเทศที่นำเข้าพลังงานน้ำมันจากรัสเซีย คาดว่าสหรัฐฯ ต้องการเร่งกระบวนการกดดันรัสเซียให้ยอมรับแผนสันติภาพโดยเร็ว ทั้งนี้ ท่าทีของสหรัฐฯ ทำให้ผู้นำยูเครนพอใจเพราะคาดหวังให้ประเทศตะวันตกสนับสนุนความช่วยเหลือด้านการทหาร โดยเฉพาะระบบป้องกันภัยทางอากาศ Patriot อย่างน้อย 10 ระบบ เนื่องจากรัสเซียเพิ่มการโจมตีด้วยอากาศยานไร้คนขับและขีปนาวุธอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ