สถาบันวิชาการ Lowy Institute ของออสเตรเลียเมื่อ 20 กรกฎาคม 2568 เผยแพร่รายงานคาดการณ์ความร่วมมือด้านการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาของประเทศตะวันตกต่อกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า จะปรับลดลงมากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2569 เนื่องจากประเทศตะวันตกที่เคยเป็นผู้ช่วยเหลือรายใหญ่ต่างก็ปรับลดงบประมาณดังกล่าวลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อทบทวนรายจ่ายของประเทศ
เฉพาะอย่างยิ่งกรณีสหรัฐฯ ที่ระงับการดำเนินงานของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (USAID) และกรณีสมาชิกเนโตจะต้องผันงบประมาณที่เคยใช้สำหรับโครงการพัฒนาในต่างประเทศ ไปสนับสนุนงบประมาณด้านความมั่นคงของเนโตแทน โดยมีรายงานว่าสหภาพยุโรปและประเทศในยุโรปอย่างน้อย 7 ประเทศ รวมทั้งสหราชอาณาจักรประกาศลดงบประมาณให้ความช่วยเหลือในต่างประเทศแล้วต่อเนื่องไปถึงปี 2572 นอกจากนี้ สถาบันดังกล่าวยังคาดการณ์ว่าประเทศที่มีรายได้ต่ำจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้มากที่สุด เนื่องจากขาดเงินทุนในการดำเนินโครงการช่วยเหลือด้านสังคม สาธารณสุข การศึกษา และส่งเสริมบทบาทของภาคประชาสังคม
ปัจจุบันสถาบัน Lowy Institute สำรวจความช่วยเหลือของต่างประเทศต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในห้วงปี 2558-2566 เพื่อศึกษารูปแบบและแนวทางให้ความช่วยเหลือต่อภูมิภาคที่มีความสำคัญต่อการเมือง ประชากรและเศรษฐกิจโลกให้มีประสิทธิภาพต่อไป โดยรวบรวมข้อมูลจากโครงการช่วยเหลือมากกว่า 130,000 โครงการ พบว่าในช่วงเวลาดังกล่าว อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ได้รับความช่วยเหลือจากต่างประเทศมากที่สุด ส่วนมากเป็นโครงการด้านการคมนาคม พลังงาน และภาคประชาสังคม
สถาบัน Lowy Institute เชื่อว่าประเทศมหาอำนาจในภูมิภาคอย่างจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จะเข้ามาแสดงบทบาททดแทนประเทศตะวันตก โดยมอบความช่วยเหลือด้านการพัฒนาสังคมและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งที่ผ่านมา จีนเคยแสดงบทบาทนำในการช่วยเหลือและสนับสนุนความมั่นคงด้านสาธารณสุขในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 แต่ที่น่าห่วงกังวล คือ รัฐบาลจีนจะมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนกับประเทศต่าง ๆ และอาจดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างไม่โปร่งใส รวมทั้งอาจเน้นเฉพาะโครงการพัฒนาที่เอื้อประโยชน์ต่อจีน เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงกับเส้นทางการค้าของจีน นอกจากนี้ การรับความช่วยเหลือหรือความร่วมมือกับจีนก็ไม่ใช่การให้เปล่า ทำให้ประเทศที่มีรายได้ต่ำยังเสี่ยงเผชิญความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากการร่วมมือกับจีนด้วย โดยสถาบัน Lowy Institute ยกตัวอย่างประเทศที่เสี่ยงเผชิญปัญหา ได้แก่ ลาว กัมพูชา เมียนมา และติมอร์เลสเต
บทบาทของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในด้านการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาการเมืองให้โปร่งใส และความเคลื่อนไหวของกลุ่มภาคประชาสังคมอาจเพิ่มขึ้นในภูมิภาค เพื่อทดแทนบทบาทของสหรัฐฯ ที่หายไปนั้น สถาบัน Lowy Institute ประเมินว่าญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะเน้นโครงการทางสังคมและการศึกษา มากกว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นไม่มั่นใจว่าญี่ปุ่นจะสามารถเพิ่มบทบาทเพื่อทดแทนสหรัฐฯ ในการช่วยเหลือประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาทบทวนงบประมาณเพื่อให้เหมาะสมกับการป้องกันประเทศในยุคที่ภัยคุกคามและความท้าทายซับซ้อนมากขึ้น ประกอบกับที่ชาวญี่ปุ่นก็ต้องการให้รัฐบาลใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า ดังนั้น บทบาทของญี่ปุ่นอาจไม่โดดเด่นด้านการช่วยเหลือประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้