สื่อมวลชนต่างประเทศเมื่อ 22 กรกฎาคม 2568 รายงานว่ากรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งหนังสือเรื่องนโยบายภาษีตอบโต้ร้อยละ 40 ต่อสินค้าเมียนมาถึง พลเอกอาวุโสมินอองไหลง์ ผบ.ทสส.เมียนมา และประธานสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) โดยตรง อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางการดำเนินนโยบายของสหรัฐฯ ต่อเมียนมา เนื่องจากอาจกลายเป็นโอกาสให้รัฐบาล SAC ของเมียนมาอ้างว่าผู้นำสหรัฐฯ ยอมรับสถานะของ SAC หลังจากที่ผ่านมา สหรัฐฯ หลีกเลี่ยงการหารือโดยตรงกับผู้แทนของ SAC รวมทั้งมีมาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมียนมาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและการปราบปรามประชาชนด้วยความรุนแรงอย่างเข้มงวด เพื่อแสดงออกว่าคัดค้านการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเมียนมาเมื่อปี 2564 ซึ่งพลเอกอาวุโสมินอองไหลง์อยู่ในบัญชีคว่ำบาตรทั้งจากกรณีใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมือง และการปราบปรามชาวโรฮีนจาในรัฐยะไข่
นักวิเคราะห์การเมืองเมียนมาเชื่อว่า ผู้นำเมียนมาจะใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ติดต่อไปยังพลเอกอาวุโสมินอองไหลง์โดยตรง โดยนอกจากผู้นำเมียนมาจะแถลงชื่นชมผู้นำสหรัฐฯ ที่ตั้งใจปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติแล้ว ยังเปรียบเทียบว่าประธานาธิบดีทรัมป์เองก็เคยเผชิญกับการโกงเลือกตั้งระดับชาติมาแล้วเมื่อปี 2563 ที่พ่ายแพ้ให้กับอดีตประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน จึงน่าจะเข้าใจสถานะของรัฐบาล SAC นอกจากนี้ ยังกล่าวชื่นชมการดำเนินนโยบายยกเลิกและยุติการดำเนินการของสำนักข่าววีโอเอ (VOA) และ Radio Free Asia ด้วย ตลอดจนใช้โอกาสนี้เสนอให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเมียนมา ลดระดับภาษีตอบโต้ที่อัตราร้อยละ 10-20 ขณะที่เมียนมาจะลดอัตราภาษีนำเข้าให้สินค้าจากสหรัฐฯ เช่นกัน
ปัจจุบัน ประธานาธิบดีทรัมป์และรัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐฯ ต่อเมียนมา โดยยังคงมาตรการคว่ำบาตร พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการเจรจาทางการเมือง ปล่อยตัวนักโทษการเมืองและเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างรอบด้าน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวเมียนมาที่ได้รับกระทบจากความขัดแย้งทางการเมือง
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จับตาความเคลื่อนไหวและแนวทางการดำเนินนโยบายของสหรัฐฯ ต่อเมียนมาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัยประธานาธิบดีทรัมป์ ที่อาจต้องการกลับเข้าไปแข่งขันอิทธิพลกับจีนมากขึ้น ซึ่งสหรัฐฯ อาจใช้แนวทางพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือกับกลุ่มการเมืองและเศรษฐกิจทุกฝ่ายในเมียนมา ก่อนการเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีขึ้นในพฤศจิกายน 2568 เพื่อสร้างอิทธิพลแข่งขันกับจีน