สื่อต่างประเทศรายงานเมื่อ 6 สิงหาคม 2568 เนื่องในวันครบรอบ 80 ปีเหตุการณ์ที่สหรัฐฯ ใช้เครื่องบินรุ่น B29 ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ Little Boy ที่เมืองฮิโรชิมา ญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ครั้งแรกเมื่อ 6 สิงหาคม 2488 และครั้งที่ 2 ที่เมืองนางาซากิ ใน 9 สิงหาคม 2488 เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 110,000 คน และจำนวนมากได้รับผลกระทบจากรังสีนิวเคลียร์
สำหรับประเด็นสำคัญที่สื่อและนานาชาติให้ความสนใจ คือ มุมมองของนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญการเมืองระหว่างประเทศที่เชื่อว่าปัจจุบัน โลกเผชิญความเสี่ยงที่ประเทศมหาอำนาจจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการเมืองระหว่างประเทศมากขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งการใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี และหัวรบนิวเคลียร์ในการข่มขู่คุกคามระหว่างกัน เช่น สมรภูมิรัสเซีย-ยูเครน และความขัดแย้งระหว่างอินเดีย-ปากีสถาน นอกจากนี้ การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ในประเทศต่าง ๆ ยังเสี่ยงตกเป็นเป้าหมายการโจมตีและคุกคามจากต่างประเทศ เช่น กรณีสหรัฐฯ – อิหร่าน ตลอดจนมีรายงานจากสถาบัน Stockholm International Peace Research การสำรวจจำนวนหัวรบและอาวุธนิวเคลียร์ทั่วโลก พบว่าจำนวนอาวุธนิวเคลียร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ทั่วโลกมากกว่า 12,000 หัวรบใน 9 ประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ได้แก่ สหรัฐฯ รัสเซีย จีน ฝรั่งเศส สหราขอาณาจักร อินเดีย ปากีสถาน เกาหลีเหนือ และอิสราเอล
ขณะเดียวกัน อาวุธนิวเคลียร์ของประเทศต่าง ๆ ก็มีขีดความสามารถในการทำลายล้างสูงมากขึ้น ทำให้โลกเสี่ยงอันตรายจากการที่ประเทศต่าง ๆ มีแนวโน้มจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อเพิ่มความได้เปรียบในเชิงยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศมากขึ้น แนวโน้มดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์วิตกกังวล และเตือนว่าประเทศต่าง ๆ ควรปฏิบัติตามข้อตกลงควบคุมอาวุธนิวเคลียร์อย่างเคร่งครัด ตลอดจนสนับสนุนการปลดอาวุธนิวเคลียร์เพื่อความปลอดภัย มากกว่าใช้เป็นเครื่องมือสร้างอำนาจต่อรองในความขัดแย้งระหว่างประเทศ เนื่องจากการใช้อาวุธนิวเคลียร์ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อมนุษยชาติและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว