กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อ 12 สิงหาคม 2568 เผยแพร่รายงานสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2567 หรือ Country Reports on Human Rights Practices เพื่อสะท้อนสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในต่างประเทศให้ฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ พิจารณาใช้ในการจัดสรรงบประมาณให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ใช้ในภารกิจเสริมสร้างการปกป้องสิทธิมนุษยชน ที่เป็นค่านิยมสำคัญของชาวอเมริกัน ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวพาดพิงถึงสถานการณ์สิทธิมนุษชยของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งไทย
ในรายงานระบุว่าสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทยในภาพรวมของเมื่อปี 2567 ไม่แตกต่างจากปีก่อน ๆ แต่ยังมีประเด็นจำกัดเสรีภาพสื่อมวลชน และจำกัดเสรีภาพในการตั้งสมาคมในกลุ่มแรงงาน สหรัฐฯ ได้รับข้อมูลว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องสิทธิมนุษยชนในไทยให้ความสำคัญกับการตรวจสอบและลงโทษเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย แต่ยังเผชิญอุปสรรค ตลอดจนพาดพิงถึงสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่ามีกลุ่มก่อความไม่สงบก่อเหตุโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐและพลเรือน เท่ากับเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
สหรัฐฯ รวบรวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในต่างประเทศจากหลากหลายแหล่งข้อมูล และจัดทำรายงานสิทธิมนุษยชนเผยแพร่ทุกปี แม้ว่าเป้าหมายสำคัญในการจัดทำรายงานดังกล่าวจะเป็นไปเพื่อโน้มน้าวให้ฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ จัดสรรงบประมาณให้ ไม่มีการกำหนดมาตรการลงโทษหรือจัดกลุ่มประเทศต่าง ๆ เพราะไม่ใช่รายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์หรือ TIP Report แต่การเผยแพร่ข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็กลายเป็นการสะท้อนมุมมองของมหาอำนาจ และเป็นข้อมูลที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศอื่น ๆ ได้
สื่อมวลชนจีนแสดงความคิดเห็นคัดค้านข้อมูลจากรายงานของรัฐบาลสหรัฐฯ โดย Global Times รายงานเมื่อ 14 สิงหาคม 2568 ว่า มุมมองของสหรัฐฯ ต่อสถานการณ์ในจีนไม่เคยเปลี่ยนแปลง และใช้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องทำลายภาพลักษณ์ของนโยบายรัฐบาลจีนต่อเขตปกครองตนเองซินเจียงและฮ่องกง นอกจากนี้ สื่อมวลชนจีนยังตั้งข้อสังเกตว่า สหรัฐฯ เลือกปฏิบัติ เพราะบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศที่เป็นพันธมิตรหรือเป็นประโยชน์กับรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบัน เช่น ข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอิสราเอลและเอลซัลวาดอร์ ทั้งที่เป็น 2 ประเทศซึ่งกลุ่มปกป้องสิทธิมนุษยชนทั่วโลกวิจารณ์ ขณะเดียวกันกลับวิจารณ์เชิงลบและเพิ่มข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนในยุโรปและบราซิล