มีรายงานเมื่อ 21 กันยายน 2568 ว่า ชาวฟิลิปปินส์รวมตัวกันประท้วงเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชันและเรียกร้องประชาธิปไตย ที่กรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ โดยผู้ประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันในประเทศ ดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตอย่างจริงจัง รวมทั้งวิจารณ์โครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยซ้ำซากที่คาดว่าเป็นโครงการที่ทำให้เกิดการทุจริต เนื่องจากโครงการมากกว่า 9,000 โครงการไม่ประสบความสำเร็จและใช้งบประมาณจำนวนมากกว่า 9,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งตั้งคำถามเกี่ยวกับผู้ชนะการประมูลโครงการ ขณะที่ชาวฟิลิปปินส์ในหลายพื้นที่ยังคงต้องประสบภัยน้ำท่วมอย่างรุนแรง
การชุมนุมครั้งนี้มีการปลุกกระแสผ่านสื่อสังคมออนไลน์มาก่อนหน้านี้ ประกอบกับมีองค์กรคริสต์ศาสนา องค์กรสนับสนุนแนวคิดเสรียนิยม และกลุ่มนักศึกษาสนับสนุนการชุมนุม ทำให้มีผู้ประท้วงรวมตัวกันมากกว่า 50,000 คน เจ้าหน้าที่และหน่วยความมั่นคงจึงเตรียมความพร้อมรับมือกับผู้ประท้วง เพราะวิตกว่าจะเกิดเหตุรุนแรงเหมือนการประท้วงในประเทศอื่น ๆ เช่น เนปาล รวมทั้งเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายแสวงประโยชน์จากการชุมนุมครั้งนี้ด้วย
สาเหตุที่ทำให้เกิดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าการปะทะเกิดขึ้นหลังจากผู้ชุมนุมบางส่วนไม่พอใจ เริ่มเผายางรถยนต์ ก่อเหตุทำลายทรัพย์สินสาธารณะ และขว้างหินใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้เริ่มมีการปะทะและควบคุมตัวผู้ชุมนุมประท้วง ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ปืนแรงดันน้ำกดดันผู้ชุมนุม เพื่อควบคุมพื้นที่ ทำให้เกิดการปะทะระหว่างกัน ปัจจุบันผู้ชุมนุมบางส่วนถูกควบคุมตัว 72 คน เป็นเยาวชน 20 คน และมีรายงานเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 39 คน ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ขอให้ผู้ชุมนุมดำเนินการอย่างสันติ และย้ำว่าเห็นด้วยกับการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน
การชุมนุมประท้วงในฟิลิปปินส์อาจทำให้ผู้นำประเทศถูกวิจารณ์ว่าใช้ความรุนแรงกับประชาชน ทั้งที่เมื่อ 15 กันยายน 2568 ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ของฟิลิปปินส์ย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความสงบเรียบร้อยในการประท้วงที่จะเกิดขึ้นใน 21 กันยายน 2568 รวมถึงเรียกร้องให้ประชาชนดำเนินการประเท้วงอย่างสันติ นอกจากนี้ หากรัฐบาลไม่มีมาตรการใด ๆ ที่เป็นรูปธรรมในการทบทวนโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและการทุจริต ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ประชาชนเรียกร้อง อาจทำให้การชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลยืดเยื้อ และเป็นความท้าทายทางการเมืองของประธานาธิบดีฟอร์ดินานด์ มาร์กอส แม้การชุมนุมพุ่งเป้าไปที่การทุจริตของรัฐ ไม่ใช่ล้มรัฐบาล