สื่อมวลชนต่างประเทศให้ความสนใจติดตามการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ซึ่งเริ่มต้นเมื่อ 22 กันยายน 2568 และจะมีผู้นำจากประเทศต่าง ๆ เข้าร่วม รวมทั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงครั้งแรกในการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ท่ามกลางสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกที่มีความขัดแย้งในหลายพื้นที่ เฉพาะอย่างยิ่งในฉนวนกาซาและยูเครน ที่นานาชาติคาดหวังให้สหรัฐฯ แสดงบทบาทนำในการสร้างสันติภาพและยุติสงคราม
ประธานาธิบดีทรัมป์คาดว่าจะกล่าวถ้อยแถลงโดยเน้นย้ำความสำเร็จในบทบาทการเป็นตัวกลางการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้งในหลาย ๆ พื้นที่ เช่น อาร์เซอร์ไบจาน-อาร์เมเนีย และอินเดีย-ปากีสถาน เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์การเป็นผู้สร้างสันติภาพ และต่อยอดสู่การได้รับเสนอชื่อให้ได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพต่อไป นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์จะกระตุ้นให้องค์กรระหว่างประเทศและนานาชาติ สนับสนุนแนวทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ตลอดจนเสนอให้ประเทศต่าง ๆ มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะยุโรป ในกรณียูเครน และประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง ในกรณีฉนวนกาซาและอิสราเอล พิจารณาจากการที่ก่อนหน้านี้ ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่าพร้อมจะเพิ่มการคว่ำบาตรรัสเซีย หากสมาชิกสหภาพยุโรปและเนโตไม่ยกเลิกการนำเข้าน้ำมันและพลังงานจากรัสเซียอย่างเด็ดขาด รวมทั้งระบุว่าจะเสนอแผนให้ประเทศตะวันออกกลางดำเนินการแก้ไขปัญหาระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์
ถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐฯ ต่อ UNGA ยังมีขึ้นในห้วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมีความขัดแย้งกันหลายประเด็น อย่างไรก็ตาม ในห้วงเวลาเดียวกันนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าบรรลุข้อตกลงกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเรื่องการให้บริการแอปพลิเคชัน TikTok และทั้ง 2 ผู้นำจะพบกันที่การประชุมสุดยอดเอปค ที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ ในปลายตุลาคม 2568 นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังส่งคณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเยือนจีนครั้งแรกตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งอาจเป็นสัญญาณการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 มหาอำนาจ โดยสื่อมวลชนจีนเป็นฝ่ายเปิดเผยรายละเอียดการเยือนดังกล่าวว่าเป็นโอกาสใหม่ของทั้ง 2 ประเทศที่จสร้างความไว้วางใจระหว่างกันผ่านกลไกการทูต
นักวิเคราะห์จึงประเมินว่าประธานาธิบดีทรัมป์ น่าจะใช้โอกาสการแถลงในการประชุม UNGA ครั้งนี้กล่าวถึงผลงานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ผู้นำประเทศที่ไปร่วมการประชุม UNGA จะได้มีถ้อยแถลง โดยเริ่มจากผู้นำบราซิลเป็นประเทศแรกตามธรรมเนียม ตามด้วยผู้นำสหรัฐฯ อินโดนีเซีย ตุรกี เปรู จอร์แดน เกาหลีใต้ กาตาร์ และอีก 24 ประเทศ รวมทั้งเวียดนาม ซึ่งจะได้กล่าวถ้อยแถลงในวันแรกช่วงบ่าย