ผู้นำต่างประเทศใช้การประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ เป็นเวทีแสดงจุดยืนทางการเมืองระหว่างประเทศและกระตุ้นให้สมาชิกสหประชาชาติ 192 ประเทศร่วมมือกันรักษาสันติภาพในระยะยาว โดยเมื่อ 23 กันยายน 2568 ซึ่งเป็นวันแรกที่ผู้นำประเทศต่าง ๆ จะได้กล่าวถ้อยแถลง หรือ high-level General Debate มีประเด็นที่น่าสนใจจำนวนมาก เฉพาะอย่างยิ่งท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ ที่ทั่วโลกจัดตามอง และกรณีประเทศยุโรปประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์ ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนการเมืองระหว่างประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ประเด็นแรกที่ทั่วโลกให้ความสนใจอย่างมาก คือ ท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เนื่องจากจะเป็นสัญญาณแนวทางการดำเนินนโยบายต่างประเทศของมหาอำนาจ ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ กล่าวถ้อยแถลงเป็นระยะเวลา 55 นาที เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการเน้นย้ำนโยบาย Make America Great Again ที่ให้ความสำคัญกับการปกป้องผลประโยชน์ของชาวอเมริกันและเสริมสร้างอุดมการณ์ชาตินิยม ผลงานด้านการยุติความขัดแย้ง พร้อมทั้งวิจารณ์นโยบายของประเทศอื่น ๆ เช่น วิจารณ์นโยบายรับผู้อพยพของประเทศยุโรปเชิงลบ ให้ความเห็นว่าองค์กรสหประชาชาติ (UN) ล้มเหลวในการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างประเทศ และโจมตีนโยบายพลังงานสะอาดว่าเป็นปัจจัยทำลายโลกเสรีและเป็นการหลอกลวง (green energy scam) ประธานาธิบดีทรัมป์ยังใช้เวลากว่า 10 นาทีย้ำว่าไม่เห็นด้วยกับปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ซึ่งตอกย้ำมุมมองของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ไม่เชื่อเรื่องสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด นอกจากนี้ สื่อยังให้ความสนใจกรณีประธานาธิบดีทรัมป์เปลี่ยนแปลงมุมมองต่อสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน โดยครั้งนี้สนับสนุนยูเครนว่ามีโอกาสชนะรัสเซีย รวมทั้งได้อธิปไตยเหนือดินแดนกลับคืนมา
ประเด็นที่ 2 จากการประชุม UNGA คือ การที่ประเทศยุโรปประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์ เฉพาะอย่างยิ่งฝรั่งเศส ที่รับรองรัฐปาเลสไตน์และเรียกร้องให้อิสราเอลยุติสงคราม ท่าทีดังกล่าวทำให้ชาวปาเลสไตน์ทั่วโลกพึงพอใจและคาดหวังให้ท่าทีของผู้นำยุโรปเป็นขั้นตอนสู่การยุติสงคราม ปัจจุบันมี 157 ประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่รับรองรัฐปาเลสไตน์ รวมทั้งไทยที่รับรองเมื่อปี 2555 และกรณีผู้นำประเทศกลุ่มอาหรับและประเทศมุสลิมทยอยเข้าพบหารือกับผู้นำสหรัฐฯ เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในฉนวนกาซา และการดำเนินนโยบายกดดันอิสราเอลให้ยุติปฏิบัติการทางหทาร เนื่องจากสถานการณ์ในฉนวนกาซาเป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกต้องการหาข้อยุติความรุนแรง วิกฤตด้านมนุษยธรรม และความขัดแย้งในระยะยาว รวมทั้งกังวลว่าอิสราเอลจะปฏิบัติการทางทหารนอกพื้นที่ฉนวนกาซามากขึ้น จนส่งผลกระทบต่อบรรยากาศความมั่นคงในตะวันออกกลาง และความปลอดภัยของประเทศมุสลิม
ประเด็นที่ 3 ประเทศยุโรปตะวันออกสะท้อนปัญหาความมั่นคงระดับโลกที่เกิดจากแนวคิดจักรวรรดินิยมของรัสเซีย โดยผู้นำโปแลนด์กล่าวในถ้อยแถลงว่า การเมืองระหว่างประเทศกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เนื่องจากรัสเซียแสดงเจตนาชัดเจนที่จะขยายอาณาเขตโดยใช้การทหารและการบ่อนทำลายยุโรปเป็นเครื่องมือ พร้อมกับเตือนว่าสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนจะท้าทายระเบียบโลก
ในการประชุม UNGA ครั้งนี้คาดว่าผู้นำประเทศต่าง ๆ จะกล่าวถึงสถานการณ์โลกและแสดงนโยบายสำคัญของประเทศ โดยปี 2568 กำหนดหัวข้อการประชุม คือ Better Together: 80 years and more for peace, development and human rights คาดว่าจะมีการหยิบยกประเด็นความมั่นคงด้านสภาพภูมิอากาศ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ความมั่นคงทางอาหาร และความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนไปหารือกัน โดยช่วง high-level General Debate จะมีขึ้นระหว่าง 23-27 กันยายน 2568