สื่อต่างประเทศรายงานเมื่อ 1 ตุลาคม 2568 ว่า รัฐบาลจีนเริ่มใช้วีซ่าประเภท K เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเดินทางและพำนักในจีนได้นานขึ้น โดยจีนประกาศเตรียมใช้วีซ่าดังกล่าวเมื่อ สิงหาคม 2568 เป้าหมายเพื่อกระตุ้นการแลกเปลี่ยนความรู้และความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจากทั่วโลกกับชาวจีน โดยวีซ่าประเภท K จะลดขั้นตอนการทำเอกสารเพื่อขอวีซ่าเดินทางเข้าจีน เช่น ไม่ต้องมีสถาบันหรือต้นสังกัดรับรอง แต่ต้องมีคุณสมบัติด้านความรู้และประสบการณ์ทำงานที่ตรงตามความต้องการของจีน เช่น มีวุฒิการศึกษาสาขา STEM ได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ ซึ่งรัฐบาลจีนคาดหวังให้การใช้วีซ่าประเภทใหม่นี้ตอบสนองความต้องการของจีนที่จะเป็นผู้นำด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลก
รัฐบาลจีนเคยใช้มาตรการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่า เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่มีทักษะที่จีนต้องการให้เดินทางเข้าประเทศมากขึ้น เช่น เมื่อปี 2556 จีนออกวีซ่าประเภท R หรือ Talent Visa เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่มีความสามารถและทักษะสูง โดยเป็นทักษะที่จีนต้องการเป็นพิเศษ สามารถเดินทางเข้า-จีนได้หลายครั้งและมีระยะเวลา 5-10 ปี รวมทั้งสามารถทำงานในจีนได้ สำหรับวีซ่าประเภท K ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติอย่างมาก เนื่องจากเป็นมาตรการที่สวนทางกับนโยบายของสหรัฐฯ ที่จำกัดการรับชาวต่างชาติเข้าไปทำงานด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ มากขึ้น เนื่องจากสหรัฐฯ ต้องการปกป้องความมั่นคง และวิตกว่าการให้ชาวต่างชาติเข้าไปมีบทบาทด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบต่างประเทศ
แม้ว่ารัฐบาลจีนจะออกวีซ่าประเภท K เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ รวมทั้งเทคโนโลยี ที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเสริมสร้างพลังอำนาจของจีนในเวทีระหว่างประเทศ แต่แรงงานชาวจีนบางส่วนวิตกว่าชาวต่างชาติจะเข้าไปแย่งงานชาวจีน โดยเฉพาะชาวอินเดีย เพราะปัจจุบันชาวอินเดียเผชิญความท้าทายในการขอวีซ่า H-1B เพื่อเข้าไปทำงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสหรัฐฯ จึงมีแนวโน้มจะสนใจเดินทางเข้าไปทำงานในจีน โดยใช้วีซ่าประเภท K มากขึ้น ด้านแรงงานจีนกำลังประสบปัญหาว่างงาน โดยเฉพาะแรงงานกลุ่ม generation ใหม่ที่เพิ่งจบการศึกษาและวิตกว่าจะไม่มีทักษะหรือประสบการณ์เพื่อแข่งขันในตลาดแรงงานมากพอ
รัฐบาลจีนพยายามสร้างความเชื่อมั่นว่าวีซ่าประเภท K จะเป็นผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของจีน และไม่ใช่การดึงดูดให้ชาวต่างชาติมาแย่งงานชาวจีน แต่เป็นการเพิ่มความร่วมมือมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญของจีนให้ความเห็นว่า วีซ่า K จะช่วยแก้ไขปัญหาที่จีนเคยเผชิญ คือ ภาวะสมองไหลออกจากจีนไปสหรัฐฯ ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมา เพราะวีซ่า K จะช่วยทำให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าไปร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญชาวจีนมากขึ้น ชาวจีนไม่ต้องเดินทางไปต่างประเทศก็สามารถขยายความร่วมมือกับนานาชาติได้ เพราะมีชาวต่างชาติจากทั่วโลกให้ความสนใจสมัครวีซ่า K ได้แก่ อินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรป รวมทั้งสหรัฐฯ จึงมีมุมมองว่าวีซ่า K เป็นผลดีต่อการสร้างอาชีพให้ชาวจีนและการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยีและความมั่นคงในระยะยาว