![]()

รัฐบาลสหรัฐฯ ประสบภาวะ Government Shutdown ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 เนื่องจากฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ ไม่อนุมัติงบประมาณรายจ่ายของภาครัฐ ทำให้หน่วยงานภาครัฐบางส่วนต้องยุติการให้บริการประชาชน รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐต้องยุติการทำงานชั่วคราว นอกจากนี้ สื่อสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าภาวะ Government Shutdown ครั้งนี้จะยืดเยื้อจนถึงห้วงสัปดาห์หน้า เพราะฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ จะยังไม่อนุมัติงบประมาณ แม้ว่าจะมีการประชุมใน 3 ตุลาคม 2568 เพราะความเห็นต่างระหว่างสมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต ที่ต่างฝ่ายต่างต้องการผลักดันงบประมาณเพื่อดำเนินนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อฐานเสียงทางการเมือง
ชาวอเมริกัน และชาวต่างชาติอาจได้รับผลกระทบจากภาวะ Government Shutdown เนื่องจากการให้บริการภาครัฐบางส่วนจะต้องยุติไปก่อน จนกว่าจะมีงบประมาณจัดสรร เช่น สวนสาธารณะ รวมทั้งการให้บริการในท่าอากาศยาน โดยประธานสมาคม U.S. Travel Association ให้ความเห็นเมื่อ 2 ตุลาคม 2568 ว่า หากภาวะปิดทำการชั่วคราวครั้งนี้ยืดเยื้อ จะทำให้เจ้าหน้าที่และพนักงานที่ปฏิบัติงานในท่าอากาศยานต้องหยุดงานชั่วคราวและไม่มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ นอกจากนี้ มีรายงานว่าโครงการช่วยเหลือด้านอาหาร โรงเรียนที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง การออกเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา การตรวจสอบอาหาร และการดำเนินงานในอุทยานแห่งชาติจะถูกจำกัดหรือปิดการให้บริการ จนกว่าฝ่ายนิติบัญญัติจะเห็นชอบงบประมาณได้
กระทรวงต่าง ๆ ของสหรัฐฯ เริ่มสั่งพักงานเจ้าหน้าที่เป็นการชั่วคราว เพื่อประโยชน์ในการจัดสรรงบประมาณด้วย เช่น กระทรวงสงครามหรือกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศพักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน จำนวน 334,904 คน กระทรวงสาธารณสุข พักงาน 32,460 คน กระทรวงพาณิชย์ สั่งพักงานเจ้าหน้าที่ 34,711 คน แม้กระทั่งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็มีเจ้าหน้าที่ต้องพักงานชั่วคราวจำนวน 16,651 คน
สำหรับตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในไทย คือ กรณีสถานเอกอัครราบทูตสหรัฐฯ/กรุงเทพฯ เผยแพร่ข้อความผ่านสื่อสังคมออไนลน์ว่าจะไม่มีการอัปเดตข้อความ หรือข้อมูลโดยสม่ำเสมอจนกว่ารัฐบาลจะกลับไปทำงานตามปกติ ยกเว้นมีกรณีสำคัญด้านความมั่นคงและปลอดภัย
ภาวะ Government Shutdown ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์เอกภาพทางการเมืองของรัฐบาลสหรัฐฯ และฝ่ายนิติบัญญัติ รวมทั้งได้รับความสนใจจากต่างประเทศว่าจะส่งผลกระทบอย่างไร ซึ่งสาเหตุที่ทำให้สหรัฐฯ ต้องเผชิญภาวะหน่วยงานภาครัฐปิดทำการชั่วคราวนี้ ส่วนหนึ่งเป็นไปตามกฎหมายป้องกันงบประมาณขาดดุล หรือ Anti-Deficiency Act 1884 ซึ่งกำหนดห้ามรัฐบาลทำสัญญาต่าง ๆ หากไม่ได้รับอนุมัติจากฝ่ายนิติบัญญัติ แม้ว่าจะเป็นจุดแข็งด้านการรักษาสมดุลอำนาจทางการเมืองของสหรัฐฯ แต่ก็สะท้อนอุปสรรคในการบริหารจัดการงบประมาณ ในช่วงที่สถานการณ์การเมืองสหรัฐฯ มีความแตกแยกสูง







