สถานการณ์ภัยพิบัติในประเทศเพื่อนบ้านของไทยได้รับความสนใจจากสื่อต่างประเทศ โดยปัจจุบันเวียดนามและลาวเผชิญกับพายุบัวลอย ซึ่งเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง ทำให้มีรายงานผู้ประสบภัยและความเสียหายจำนวนมาก เฉพาะอย่างยิ่งที่เวียดนาม มีรายงานเมื่อ 1 ตุลาคม 2568 ว่า พายุบัวลอยสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อเวียดนามแล้วอย่างน้อย 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีรายงานผู้เสียชีวิต 29 ราย สูญหาย 22 ราย และได้รับบาดเจ็บ 139 ราย
พายุดังกล่าวทำให้เกิดอุทกภัยฉับพลันรุนแรงและดินถล่ม ทำลายทรัพย์สินสาธารณะและที่อยู่อาศัยในบริเวณกว้าง เฉพาะอย่างยิ่งในชนบทภาคเหนือและภาคกลางของเวียดนาม รวมทั้งทำให้เกิดปัญหาไฟดับ นอกจากนี้ ทางการเวียดนามให้ความสำคัญกับการรายงานความเสียหายและผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรกรรมของประเทศด้วย โดยพื้นที่เพาะปลูกอย่างน้อย 44,000 เฮกเตอร์ ถูกทำลายจากพายุดังกล่าว ซึ่งขึ้นฝั่งเวียดนามตั้งแต่ช่วงปลาย กันยายน 2568 ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ประกาศแจ้งเตือนให้ชาวเวียดนามเตรียมพร้อม ขณะที่รัฐบาลยกระดับมาตรการกู้ภัยและบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ประสบภัย
ลาวได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นดังกล่าวเช่นกัน โดยมีรายงานว่าพายุบัวลอยทำให้เกิดฝนตกหนัก อุทกภัยและดินถล่มในแขวงภาคกลางและเหนือของลาว ได้แก่ แขวงเชียงขวาง แขวงเวียงจันทน์ แขวงบอลิคำไซ แขวงคำม่วน แขวงสะหวันนะเขต หัวพัน อุดมไซ ไซยะบูลี และหลวงพระบาง เฉพาะอย่างยิ่งแขวงไซสมบูน จากการสำรวจความเสียหายเมื่อ 1 ตุลาคม 2568 มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 ราย จากเหตุอุทกภัยฉับพลันทำให้บ้านเรือนเสียหายและผู้เสียชีวิตอพยพหนีไม่ทัน
ปัจจุบันรัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ยังไม่สามารถเข้าพื้นที่เพื่อมอบความช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัยได้ทั่วถึง เนื่องจากถนนและเส้นทางสัญจรได้รับเสียหายจากอุทกภัยและดินถล่ม คาดว่าผลกระทบจากพายุบัวลอยจะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในลาว เนื่องจากเส้นทางสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้สัญจรจากภาคกลางไปยังภาคเหนือของลาวได้รับความเสียหายอย่างมาก
พายุบัวลอยส่งผลกระทบฟิลิปปินส์ และไทยด้วย มีรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นบัวลอยซึ่งพัดเข้าฟิลิปปินส์เมื่อ 26 กันยายน 2568 ว่า ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 ราย ส่วนใหญ่เนื่องจากจมน้ำ ถูกต้นไม้หรือเศษซากหักพังล้มทับ ประชาชนได้รับผลกระทบจากไฟฟ้าดับในหลายเมือง และประชาชนประมาณ 400,000 คน ต้องอพยพไปยังศูนย์หลบภัยฉุกเฉินกว่า 1,400 แห่ง
พายุไต้ฝุ่นบัวลอย แม้ว่าจะไม่พัดผ่านไทยโดยตรงและอ่อนกำลังลงแล้ว แต่กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนสถานการณ์ฝนตกหนักและปริมาณน้ำฝนสะสมในหลายพื้นที่ในห้วงต้น ตุลาคม 2568 ซึ่งเป็นผลจากพายุดังกล่าวประกอบกับร่องมรสุม ปัจจุบันมีรายงานอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือของไทย ที่น่ากังวล คือ น้ำป่าไหลหลาก อุทกภัยฉับพลัน และปริมาณน้ำฝนมากจนทำให้ระบายออกสู่อ่าวไทยไม่ทัน ซ้ำเติมปัญหาอุทกภัยและน้ำท่วมสูงในพื้นที่ภาคกลางตอนบน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจและให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง ที่ต้องการอพยพออกจากพื้นที่อุทกภัย