![]()

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เยือนเอเชียระหว่าง 26-28 ตุลาคม 2568 เพื่อสร้างผลงานผ่านการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนและกระชับความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น พันธมิตรด้านความมั่นคงที่ใกล้ชิดของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยังใช้โอกาสการเยือนครั้งนี้ลงนามในเอกสารความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อขยายห่วงโซ่อุปทานแร่แรร์เอิร์ธ (rare earth) ที่กำลังเป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขันอิทธิพลระหว่างสหรัฐฯ กับจีน สำหรับประเทศที่สหรัฐฯ ทำข้อตกลงเพื่อขยายความร่วมมือด้านการสำรวจแรร์เอิร์ธ ได้แก่ ญี่ปุ่น มาเลเซีย ไทย เวียดนาม และกัมพูชา เนื่องจากแต่ละประเทศมีข้อมูลว่ามีทรัพยากรดังกล่าว แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่ามีปริมาณมากพอที่สหรัฐฯ จะนำไปสกัดเพื่อผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีระดับสูงได้อย่างคุ้มค่าหรือไม่ แต่ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ที่เพิ่มความร่วมมือด้านการสำรวจแร่แรร์เอิร์ธในพื้นที่เอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นสัญญาณว่าสหรัฐฯ ให้ความสำคัญอย่างมากกับทรัพยากรดังกล่าว และพร้อมใช้ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือในการแข่งขันกับจีนด้านการควบคุมห่วงโซ่การผลิตแรร์เอิร์ธและป้องกันการลงทุนของจีนในต่างประเทศ
เอกสารที่ผู้นำสหรัฐฯ ร่วมลงนามกับประเทศในเอเชียเรื่องการสำรวจแรร์เอิร์ธ มีสาระสำคัญเหมือนกัน คือจะส่งออกแร่แรร์เอิร์ธให้สหรัฐฯ แลกเปลี่ยนกับการให้สหรัฐฯ ถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้ในการสกัดแร่ดังกล่าว ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและยุ่งยาก อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ประเมินว่า ข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศในเอเชียเรื่องแร่แรร์เอิร์ธเป็นเพียงบันทึกความเข้าใจและความตกลง “เชิงสัญลักษณ์” ยังไม่มีรายละเอียดหรือระบุขั้นตอนที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือดังกล่าว และยังต้องรอความชัดเจนเรื่องการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ต้นทุนด้านแรงงาน และประเมินการลงทุนของสหรัฐฯ ให้คุ้มค่า และอาจไม่มีผลต่อจีน ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการสร้างผลงาน จึงพยายามนำเสนอให้ชาวอเมริกันและทั่วโลกเข้าใจว่า การลงนามในความร่วมมือกับญี่ปุ่น มาเลเซีย ไทย เวียดนาม และกัมพูชา เป็นโอกาสให้สหรัฐฯ ได้ครอบครองทรัพยากรสำคัญของโลกมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ลงนามในความร่วมมือเพื่อสำรวจและพัฒนาอุตสาหกรรมแรร์เอิร์ธในหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตแรร์เอิร์ธรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากจีน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เปรียบเทียบความร่วมมือดังกล่าวกับกรอบความร่วมมือที่สหรัฐฯ เพิ่งลงนามกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งไทย ที่เป็นเอกสารระดับบันทึกความเข้าใจ หรือ MoU แบบเดียวกับมาเลเซีย เท่ากับว่าไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย จึงยังมีความไม่แน่นอนสูง แม้ว่า MoU ดังกล่าวจะกำหนดให้ไทยและมาเลเซียจะต้องเปิดพื้นที่ให้สหรัฐฯ เข้าไปสำรวจและสกัดแร่แรร์เอิร์ธในประเทศ
ปัจจุบันไทยไม่มีเหมืองสกัดแรร์เอิร์ธ อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลว่าพบแร่หายากที่เป็นส่วนประกอบของแรร์เอิร์ธกระจายอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันตก เช่น เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ อุทัยธานี กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และสุราษฎร์ธานี ไม่พบว่ามีการกระจุกตัวของแร่แรร์เอิร์ธที่คุ้มค่าเพียงพอต่อการสำรวจและสกัดเพื่อทำอตุสาหกรรมในเชิงพาณิชย์







